เจ้าหญิงเกว็นโดลีนทรงโผล่ขึ้นมาหายพระทัย ทรงสูดอากาศอุ่นยามเช้าในฤดูร้อน ฟังเสียงนกร้องเพลงอยู่ตามต้นไม้รอบ ๆ พระนางเอนองค์พิงก้อนหิน พระวรกายจมอยู่ในน้ำจนถึงพระศอ ทรงนั่งอยู่บนพระแท่นตามธรรมชาติใต้น้ำ พลางคิดทบทวน เจ้าหญิงทรงวักน้ำขึ้นใส่พระพักตร์แล้วลูบพระเกศายาวสีสตรอเบอรี พระนางทอดเนตรมองผิวน้ำใสที่สะท้อนเงาท้องฟ้า มองเห็นอาทิตย์ดวงที่สองที่กำลังขึ้น เห็นหมู่ไม้โค้งเป็นซุ้มอยู่เหนือสระน้ำ และเห็นพระพักตร์ของพระนางเอง พระเนตรรูปยาวรีสีฟ้าเป็นประกายกำลังมองตอบมาจากเงาสะท้อนที่ไหวเป็นระลอก เจ้าหญิงทรงเห็นพระบิดาในสิ่งเหล่านี้ พระนางทรงเมินกลับมาแล้วคิดถึงความฝันอีกครั้ง
เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้ดีว่าการประทับอยู่ในราชสำนักทั้งที่ยังมีผู้ลอบปลงพระชนม์พระบิดาอยู่นั้นเป็นเรื่องอันตรายสำหรับพระนาง อีกทั้งยังมีบรรดาสายลับและแผนการต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีกาเร็ธเป็นราชา เชษฐาของพระนางนั้นคาดเดาไม่ได้ ผูกพยาบาท หวาดระแวง และขี้อิจฉา เขามองว่าทุกคนเป็นภัย โดยเฉพาะพระนาง อะไรก็เกิดขึ้นได้ เจ้าหญิงทรงรู้ว่าพระนางไม่ปลอดภัย ไม่มีใครปลอดภัย
แต่เจ้าหญิงเกว็นไม่ใช่คนที่วิ่งหนี พระนางทรงต้องการรู้ให้แน่ว่าใครคือฆาตกรที่สังหารพระบิดา และหากเป็นกาเร็ธ เจ้าหญิงจะไม่ทรงหนีจนกว่าจะนำตัวเขามาสู่กระบวนการยุติธรรม ทรงรู้ว่าดวงพระวิญญาณของพระบิดายังไม่สงบจนกว่าฆาตกรจะถูกจับ ความยุติธรรมเป็นสิ่งที่พระบิดาทรงเรียกร้องมาตลอดพระชนม์ชีพ ซึ่งพระองค์เองก็ควรจะได้รับความยุติธรรมเช่นเดียวกับคนทั่วไปแม้จะสวรรคตไปแล้ว
เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงตอนที่พระนางและเจ้าชายก็อดฟรีย์ได้พบกับสเตฟเฟนขึ้นมาอีก พระนางมั่นพระทัยว่าสเตฟเฟนปิดบังบางอย่างไว้ และทรงสงสัยว่ามันคืออะไร ใจหนึ่งทรงคิดว่าเขาอาจจะยอมเปิดปากเมื่อพร้อม แต่หากเขาไม่ทำเล่า? เจ้าหญิงทรงรู้สึกว่าต้องรีบหาตัวฆาตกร แต่ไม่รู้ว่าควรจะมองหาที่ไหน
เจ้าหญิงเกว็นโดลีนลุกขึ้นจากพระแท่นใต้น้ำในที่สุด พระนางเดินขึ้นฝั่งด้วยพระวรกายเปลือยเปล่า สั่นสะท้านกับอากาศในยามเช้า ทรงแอบเข้าหลังพุ่มไม้หนา แล้วเอื้อมขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวจากกิ่งไม้เช่นที่ทรงทำเสมอ
แต่เมื่อทรงเอื้อมพระหัตถ์ขึ้นไป ก็ต้องตกพระทัยที่ไม่พบผ้าเช็ดตัวอยู่ที่เดิม พระนางประทับยืนอยู่ตรงนั้น เปลือยเปล่า เปียกโชกและไม่เข้าพระทัยสิ่งที่เกิดขึ้น พระนางแน่ใจว่าทรงแขวนผ้าไว้ที่นั่นเหมือนเช่นที่เคยทำเสมอ
ขณะที่เจ้าหญิงกำลังประหลาดพระทัย สั่นสะท้านและพยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นพระนางทรงรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทุกอย่างดูพร่าเลือน ทันใดนั้นเจ้าหญิงทรงรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นเมื่อรู้ว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังพระนาง
มันเกิดขึ้นเร็วเกินไป ในไม่กี่วินาทีนั้นชายสวมเสื้อคลุมสีดำมีผ้าคลุมหน้าเหมือนในความฝันก็มาอยู่ด้านหลังพระนาง มันคว้าเจ้าหญิงไว้จากทางด้านหลัง ใช้มือผอมเป็นกระดูกปิดพระโอษฐ์ไว้ ปิดกั้นเสียงกรีดร้องของพระนางขณะที่มันจับพระวรกายไว้แน่น โดยใช้มืออีกข้างรัดไว้ที่บั้นพระองค์ ดึงเจ้าหญิงเข้าชิดตัวแล้วยกขึ้นพ้นจากพื้น
เจ้าหญิงทรงถีบขาอยู่ในอากาศ พยายามกรีดร้องจนมันวางพระนางลง แต่ยังคงจับไว้แน่น เจ้าหญิงพยายามดิ้นให้พ้นจากการจับกุมแต่มันแข็งแรงมากเกินไป มันยื่นมือมาและเจ้าหญิงเกว็นทรงเห็นมันถือมีดสั้นที่มีด้ามสีแดงแวววาว เหมือนที่ทรงเห็นในความฝัน มันคือคำเตือนนั่นเอง
พระนางทรงรู้สึกถึงคมมีดแนบที่พระศอ มันถือมีดจ่อแน่นจนหากพระนางขยับไปทางใด มีดก็คงจะปาดพระศอ น้ำพระเนตรไหลลงมาตามพระปรางขณะที่ทรงพยายามหายพระทัย เจ้าหญิงทรงกริ้วพระองค์เองที่ช่างโง่เขลา พระนางควรจะรอบคอบมากกว่านี้
“ทรงจำข้าได้ไหม?” มันทูลถามขึ้น
มันชะโงกหน้ามา เจ้าหญิงทรงรู้สึกถึงลมหายใจร้อนเหม็นสาบที่พระปราง และเห็นใบหน้ามัน พระหทัยของพระนางแทบหยุดเต้น เมื่อทรงเห็นว่ามันเป็นใบหน้าจากความฝัน ชายคนที่ดวงตาหายไปข้างหนึ่งและแผลเป็น
“ได้” พระนางตรัสบอกเสียงสั่น
มันเป็นใบหน้าที่ทรงรู้จักดี เจ้าหญิงไม่ทรงรู้จักชื่อของมันแต่ทรงรู้ว่ามันเป็นองครักษ์ชั้นต่ำ ที่มักจะคอยอยู่รอบตัวกาเร็ธนับตั้งแต่ยังเด็ก มันคือผู้ส่งสารของกาเร็ธ เชษฐาของพระนางจะส่งมันไปหาใครก็ตามที่ต้องการขู่ให้กลัว ทรมาน หรือต้องการสังหาร
“เจ้าเป็นสุนัขรับใช้ของพี่ชายข้า” เจ้าหญิงตรัสตอบอย่างไม่เกรงกลัว
มันยิ้มเห็นฟันหลอ
“ข้าคือผู้ส่งสารของพระองค์” มันทูล “และสารของข้ามาพร้อมกับอาวุธพิเศษที่จะช่วยให้พระนางจดจำได้ ข้อความจากพระราชาถึงเจ้าหญิงในวันนี้คือ จงหยุดถามคำถาม เป็นสารที่พระนางจะทรงจำได้ดี เพราะเมื่อข้าเสร็จสิ้นภารกิจกับพระนางแล้ว รอยแผลที่ข้าจะทิ้งไว้บนพระพักตร์งดงามของเจ้าหญิงจะทำให้ทรงจำไปตลอดพระชนม์ชีพ”
มันพ่นลมหายใจผ่านจมูกแล้วเงื้อมีดขึ้นสูงก่อนจะจ่อลงมาที่พระพักตร์
“ไม่!” เจ้าหญิงเกว็นทรงกรีดร้อง
เจ้าหญิงทรงเตรียมรับรอยกรีดที่จะเปลี่ยนชีวิตของพระนาง
แต่ขณะที่คมกรีดเคลื่อนลงมานั้น มีบางอย่างเกิดขึ้น จู่ ๆ ก็มีนกร้องเสียงแหลม บินโฉบลงมาจากท้องฟ้า พุ่งเข้าใส่ชายชุดดำ เจ้าหญิงทรงเหลือบมองและจำได้ในวินาทีสุดท้าย
เอสโตฟิลีส
มันโฉบลงมา กางกรงเล็บออกและข่วนที่ใบหน้าของชายชุดดำขณะที่กำลังลดมีดสั้นลงมา
คมมีดเพิ่งบาดเข้าที่พระปรางและสร้างความเจ็บแปลบให้เจ้าหญิง เมื่อจู่ ๆ ก็เปลี่ยนทิศทาง ชายชุดดำส่งเสียงร้อง ทิ้งมีดลงแล้วยกมือขึ้น เจ้าหญิงเกว็นทรงเห็นแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นบนท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่หลังกิ่งไม้ และเห็นเอสโตฟิลีสบินจากไป พระนางทรงรู้ว่าพระบิดาทรงส่งเหยี่ยวตัวนี้มา
เจ้าหญิงเกว็นไม่ทรงรอช้า พระนางหมุนองค์ เอนไปด้านหลังแล้วทำเหมือนที่ครูฝึกสอนมา ทรงเตะเข้าที่ช่องท้องของชายชุดดำอย่างแรงด้วยพระบาทเปล่า เข้าเป้าอย่างเหมาะเจาะ มันทรุดตัวลงรู้สึกถึงแรงเตะจากพระเพลาของเจ้าหญิงขณะที่ฟาดเข้าใส่มันเต็มแรง เจ้าหญิงเกว็นทรงจดจำได้นับตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ว่าพระนางไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งจึงจะตอบโต้ผู้ที่เข้ามาทำร้ายได้ เพียงแต่ต้องใช้กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุด ซึ่งคือพระเพลา และเล็งให้เข้าเป้า
ขณะที่ชายชุดดำทรุดอยู่ตรงนั้น เจ้าหญิงทรงก้าวไปข้างหน้า กระชากผมมันหงายหน้าแล้วยกพระชานุขึ้น เล็งเป้าให้แม่นยำอีกครั้ง แล้วกระแทกเข้าที่สันจมูกมันอย่างเหมาะเหม็ง
เจ้าหญิงเกว็นได้ยินเสียงแตกอย่างพอพระทัย และทรงรู้สึกถึงโลหิตอุ่นไหลทะลักเปื้อนพระเพลา ขณะที่ชายชุดดำล้มพับลงกับพื้น พระนางทรงรู้ว่าได้กระแทกจมูกของมันหัก
เจ้าหญิงทรงรู้ว่าควรจะจัดการมันให้เด็ดขาด ใช้มีดสั้นเล่มนั้นแทงเข้าไปในหัวใจของมัน
แต่พระนางประทับเปลือยเปล่าอยู่ตรงนั้น สัญชาตญาณของพระนางบอกให้หาเสื้อผ้าคลุมพระวรกายและเสด็จไปจากที่นี่เสีย เจ้าหญิงไม่ต้องการให้โลหิตของชายคนนี้เปื้อนพระหัตถ์ แม้ว่ามันสมควรจะได้รับเพียงใดก็ตาม
ดังนั้นเจ้าหญิงจึงทรงเอื้อมไปหยิบมีดของมันแล้วโยนลงไปในแม่น้ำ ทรงสวมฉลองพระองค์และเตรียมที่จะหนีไป แต่ก่อนจะจากมา พระนางทรงหันกลับไป รวบรวมพระกำลังแล้วเตะมันเข้าที่หว่างขาอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทรงทำได้
ชายชุดดำร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ขดตัวงอเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ
เจ้าหญิงเกว็นทรงสั่นกลัวอยู่ภายใน รู้ดีว่าพระนางทรงเฉียดความตายมาเฉียดฉิวเพียงใด หรืออย่างน้อยอาจจะพิกลพิการ ทรงรู้สึกถึงรอยแผลเจ็บแปลบที่พระปราง และรู้ว่าอาจจะมีรอยแผลเป็นบ้างแม้จะเล็กน้อย เจ้าหญิงทรงตกพระทัยแต่พระนางไม่ต้องการแสดงให้มันเห็น เพราะในขณะเดียวกันทรงรู้สึกถึงพละกำลังแปลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในพระวรกาย พลังของพระบิดา พลังของราชาแม็คกิลทั้งเจ็ดรัชกาล เป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงทรงรู้สึกว่าพระนางเองก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน แข็งแกร่งเหมือนพี่น้องคนอื่น ๆ แข็งแกร่งไม่แพ้พวกเขาคนใด
ก่อนที่เจ้าหญิงจะจากมา พระนางทรงก้มลงไปใกล้เพื่อให้ชายชุดดำได้ยินสิ่งที่ทรงตรัสท่ามกลางเสียงร้องครวญครางของตัวเอง
“ถ้าเข้ามาใกล้ข้าอีก” เจ้าหญิงเกว็นทรงตะคอก “ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือข้าเอง”
บทที่ สิบ
ธอร์รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถูกดูดลงไปใต้น้ำและรู้ว่าอีกไม่นานเขาคงจะถูกดึงลึกลงไปและคงจะจมน้ำตาย หากเขาไม่ถูกกินทั้งเป็นเสียก่อน ธอร์ภาวนาด้วยทุกอย่างที่เขามี
ได้โปรด อย่าให้ข้าตายตอนนี้เลย ไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่ที่แห่งนี้ ไม่ใช่เพราะสัตว์ประหลาดตัวนี้
ธอร์พยายามรวบรวมพลัง ไม่ว่ามันจะคืออะไร เขาพยายามอย่างเต็มที่ อยากให้พลังพิเศษนั่นไหลมาสู่ตัวเขา ช่วยให้เขาเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ ธอร์หลับตาและตั้งสมาธิให้มันทำงาน
แต่มันกลับไม่มาเมื่อเขาต้องการ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดา ไร้อำนาจพิเศษ เป็นเหมือนกับคนอื่น ๆ พลังของเขาไปอยู่เสียที่ไหนกันตอนที่เขาต้องการมันที่สุด? มันมีจริงหรือไม่? หรือว่าที่ผ่านมานั่นเป็นเรื่องบังเอิญ?
ขณะที่เขาเริ่มจะเสียสมาธิ ภาพต่าง ๆ แวบเข้ามาในความคิด เขาเห็นราชาแม็คกิล เหมือนกับพระองค์มาอยู่ที่นั่นด้วย กำลังทอดพระเนตรดูเขา ธอร์เห็นอาร์กอน แล้วก็เห็นเจ้าหญิงเกว็นโดลีน พระพักตร์สุดท้ายนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมีชีวิตอยู่
ทันใดนั้น ธอร์ได้ยินเสียงน้ำกระจายที่ด้านหลังเขา แล้วได้ยินเสียงเจ้าสัตว์ประหลาดกรีดร้อง เมื่อหันไปมองก่อนที่เขาจะจมลงใต้ผิวน้ำ ธอร์เห็นเจ้าชายรีซอยู่ในน้ำด้านข้างเขา ดาบของพระองค์ถูกชักออกมา และเจ้าชายทรงถือหัวของสัตว์ประหลาดตัวนั้นไว้ในพระหัตถ์ หัวของมันถูกตัดขาดจากลำตัว แต่มันยังคงส่งเสียงร้องขณะที่โลหิตสีเหลืองทะลักออกจากลำตัว
ธอร์รู้สึกว่ามันค่อยคลายหนวดที่พันรัดขาเขา เจ้าชายรีซทรงเอื้อมหัตถ์มากระชากมันออกจากตัวเขา ธอร์รู้สึกเหมือนโดนไฟเผา เขาหวังและภาวนาอย่าให้มีการบาดเจ็บถาวรเกิดขึ้น