แต่ธอร์ไม่อยากเลือกทางที่ปลอดภัยที่สุด นั่นไม่ใช่เขา เขาอยากจะอยู่ที่นี่ เพื่อล้างมลทินให้ตัวเอง และได้อยู่ในกองทหารยุวชน เขาไม่ใช่คนขี้ขลาด และเขาจะไม่หนี เหนืออื่นใดเขาอยากเข้าเฝ้าราชาแม็คกิลก่อนที่จะสวรรคต ธอร์คิดว่าพระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพ พระราชาต้องทรงอยากพบเขา เขารู้สึกผิดอย่างมากที่ไม่สามารถหยุดยั้งการลอบปลงพระชนม์นี้ได้ เขาถูกกำหนดให้มองเห็นการสวรรคตของพระองค์เพื่ออะไรกันหากเขาจะแก้ไขอะไรไม่ได้? แล้วเขาเห็นนิมิตว่าพระองค์ถูกลอบวางยาพิษทำไมกัน ในเมื่อที่จริงแล้วทรงถูกแทง?
ขณะที่ธอร์ยืนคิดใคร่ครวญอยู่นั้น เขาก็นึกถึงเจ้าชายรีซขึ้นมา เจ้าชายเป็นคนเดียวที่เขาไว้ใจได้ว่าจะไม่ส่งตัวเขาให้กับทางการ และอาจจะช่วยให้เขาหลบอย่างปลอดภัย ธอร์รู้ว่าเจ้าชายรีซจะเชื่อเขา ทรงรู้ว่าความรักที่ธอร์มีให้แก่พระบิดาของพระองค์เป็นความรู้สึกที่แท้จริง และหากจะมีใครที่จะช่วยล้างมลทินให้เขาได้ ก็คงจะมีเพียงเจ้าชายรีซเท่านั้น ธอร์ต้องตามหาเจ้าชาย
ธอร์ออกวิ่งไปตามตรอกซอกซอย ลดเลี้ยวฝ่าฝูงชนขณะที่วิ่งออกห่างประตูกษัตริย์ มุ่งหน้าไปยังปราสาท เขารู้ว่าห้องบรรทมของเจ้าชายรีซอยู่ที่ปีกตะวันออก ใกล้กับกำแพงเมืองชั้นนอก และเขาหวังว่าเจ้าชายจะอยู่ในนั้น หากพระองค์อยู่ เขาอาจจะดึงความสนใจของเจ้าชายได้ ให้ช่วยพาเขาเข้าไปในปราสาท ธอร์กังวลว่าหากเขายังอ้อยอิ่งอยู่บนถนนนี่ คงจะมีคนจำเขาได้ในไม่ช้า และเมื่อฝูงชนพวกนี้จำเขาได้ คงจะรุมฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ
ขณะที่ธอร์วิ่งลัดเลี้ยวไปตามถนน เท้าของเขาลื่นไถลไปตามพื้นโคลนในคืนกลางฤดูร้อน ในที่สุดเขาก็ไปถึงกำแพงหินที่เชิงเทินชั้นนอก ธอร์วิ่งแอบไปตามกำแพง หมอบต่ำให้พ้นสายตาของทหารยามที่ยืนประจำทุกสองสามฟุต
เมื่อเขาเข้าใกล้หน้าต่างห้องบรรทมของเจ้าชายรีซ ธอร์เอื้อมไปหยิบลูกหิน โชคดีที่พวกนั้นลืมปลดหนังสติ๊กคู่ใจอันเก่า อาวุธเพียงอย่างเดียวของเขา ธอร์ดึงมันออกจากข้างเอว วางลูกหินเข้าที่แล้วยิงออกไป
ธอร์เล็งออกไปอย่างแม่นยำ เขายิงลูกหินข้ามกำแพงปราสาท ผ่านเข้าไปในหน้าต่างห้องบรรทมที่เปิดรับลมของเจ้าชายรีซ เขาได้ยินมันกระแทกเข้ากับผนังห้องด้านใน จากนั้นจึงรอคอย ก้มหลบไปตามกำแพงเพื่อให้พ้นจากสายตาของทหารยามที่เหลียวหาเมื่อได้เสียง
ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ธอร์ใจฝ่อเมื่อคิดว่าเจ้าชายอาจจะไม่ได้อยู่ในห้อง หากพระองค์ไม่อยู่ เขาควรจะหนีไปจากที่นี่ ไม่มีทางอื่นที่เขาจะได้หลบอย่างปลอดภัย เขากลั้นหายใจ หัวใจเต้นเร็ว ขณะที่เฝ้ารอและจ้องมองหน้าห้องบรรทมของเจ้าชายรีซที่เปิดอยู่
หลังจากที่รอนานเหมือนไม่สิ้นสุด ธอร์กำลังจะหันหลังจากไป เขาก็เห็นร่างหนึ่งชะโงกศีรษะออกจากหน้าต่าง สองมือจับขอบหน้าต่างไว้ แล้วมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย
ธอร์ยืนขึ้น พุ่งออกห่างจากกำแพงสองสามก้าว แล้วโบกมือหนึ่งขึ้นสูง
เจ้าชายรีซทอดพระเนตรลงมาและสังเกตเห็นเขา ทรงมีสีหน้าว่าจำได้ มองเห็นได้ในแสงคบไฟแม้กระทั่งจากตรงนี้ ธอร์รู้สึกโล่งอกที่ได้เห็นความยินดีในแววพระเนตรของเจ้าชาย มันบอกทุกอย่างที่เขาต้องการรู้ เจ้าชายจะไม่ส่งตัวเขาให้ทางการ
เจ้าชายรีซส่งสัญญาณให้เขารอ ธอร์รีบวิ่งกลับมาข้างกำแพง หมอบต่ำเมื่อทหารยามหันมาทางเขา
ธอร์รออยู่อย่างนั้นไม่รู้นานเท่าใด เตรียมพร้อมที่จะวิ่งหนีทหารยาม จนในที่สุดเจ้าชายก็ปรากฏกายขึ้น ทรงวิ่งพรวดออกมาจากประตูชั้นนอก หายใจแรงขณะที่ทรงหันซ้ายหันขวา มองหาธอร์
เจ้าชายรีซรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดธอร์ไว้ ธอร์รู้สึกเต็มตื้น เขาได้ยินเสียงร้องแหลม เมื่อมองลงไปก็ต้องดีใจที่เห็น
โครห์นซุกอยู่ในฉลองพระองค์ของเจ้าชายรีซ มันแทบจะกระโดดออกมาตอนที่เจ้าชายล้วงตัวมันแล้วส่งให้แก่ธอร์
โครห์น ลูกเสือดาวขาวที่ธอร์ช่วยชีวิตไว้ กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนธอร์ ครวญครางเสียงแหลมและเลียหน้าเขา ขณะที่เขากอดมันไว้
เจ้าชายรีซแย้มสรวล
“ตอนที่พวกนั้นจับตัวเจ้าไป มันพยายามจะตามไป ข้าเอาตัวมันมาเพื่อจะได้มั่นใจว่ามันปลอดภัย”
ธอร์ตบแขนเจ้าชายเบา ๆ ด้วยความขอบคุณ แล้วหัวเราะออกมาเมื่อโครห์นยังเลียหน้าเขาไม่หยุด
“ข้าก็คิดถึงเจ้าเหมือนกัน เจ้าหนู” ธอร์หัวเราะ จูบมันกลับ “เงียบได้แล้ว ไม่อย่างนั้นทหารยามจะได้ยินเสียงเรา”
โครห์นเงียบเสียงลง ราวกับเข้าใจที่เขาบอก
“เจ้าหนีมาได้อย่างไร?” เจ้าชายตรัสถามอย่างประหลาดใจ
ธอร์ยักไหล่ เขาไม่แน่ใจว่าควรจะตอบอย่างไร เขายังรู้สึกอึดอัดที่จะพูดถึงพลังของตัวเอง ที่เขายังไม่เข้าใจดี ธอร์ไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นตัวประหลาด
“ข้าคงโชคดี คิดว่าอย่างนั้น” เขาทูลตอบ “ข้าเห็นโอกาสและคว้ามันไว้”
“ข้าแปลกใจที่ฝูงชนไม่รุมฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ” เจ้าชายรีซตรัส
“มันมืด” ธอร์ทูล “ข้าคิดว่าคงไม่มีใครจำข้าได้ อาจจะยังจำไม่ได้”
“เจ้ารู้ไหม ทหารทุกนายในอาณาจักรกำลังตามหาตัวเจ้า? เจ้ารู้หรือเปล่าว่าพระบิดาของข้าทรงถูกแทง?”
ธอร์พยักหน้าอย่างจริงจัง “ทรงปลอดภัยดีไหม?”
เจ้าชายรีซพระพักตร์สลดลง
“ไม่” ทรงตอบอย่างเคร่งขรึม “พระองค์กำลังจะสวรรคต”
ธอร์รู้สึกใจสลาย ราวกับเป็นบิดาของตัวเอง
“ท่านรู้ใช่ไหมว่าข้าไม่ได้เป็นคนทำ?” ธอร์ทูลถามอย่างมีความหวัง เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เขาต้องการเพียงให้เพื่อนรักของเขา โอรสองค์เล็กของราชาแม็คกิล รู้ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์
“แน่นอน” เจ้าชายรีซตรัส “ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”
ธอร์รู้สึกโล่งอก เขาตบที่พระอังสาอย่างขอบคุณ
“แต่ทั้งอาณาจักรจะไม่เชื่อมั่นเหมือนข้า” เจ้าชายรีซตรัส “สถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเจ้าคืออยู่ห่างจากที่นี่ ข้าจะให้ม้าที่มีฝีเท้าเร็วที่สุด พร้อมเสบียง แล้วส่งเจ้าไปให้ไกล เจ้าจะต้องซ่อนตัวจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะสงบ จนกว่าพวกเขาจะพบตัวมือสังหารตัวจริง ตอนนี้ไม่มีใครคิดอะไรได้แจ่มแจ้งหรอก”
ธอร์ส่ายศีรษะ
“ข้าไปไม่ได้” เขาทูลบอก “นั่นจะทำให้ข้ายิ่งเป็นคนผิด ข้าอยากให้คนอื่นรู้ว่าข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่อาจวิ่งหนีจากปัญหา ข้าจะต้องล้างมลทินให้ตัวเอง”
เจ้าชายรีซส่ายพระพักตร์
“หากเจ้าอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องพบตัวเจ้า แล้วเจ้าก็จะถูกจับไปขังอีก แล้วจากนั้นก็ต้องถูกประหาร ถ้าไม่ถูกประชาทัณฑ์เสียก่อนนะ”
“ข้าคงจะต้องเสี่ยงดู” เขาทูล
เจ้าชายทอดเนตรมองเขานิ่งนาน แววพระเนตรเปลี่ยนจากกังวลเป็นความชื่นชมอย่างช้า ๆ แล้วทรงพยักพระพักตร์
“เจ้าช่างทระนง และโง่เขลา เขลายิ่งนัก แต่นั่นก็ทำให้ข้าชอบเจ้า”
เจ้ารีสแย้มสรวล ขณะที่ธอร์ยิ้มตอบ
“ข้าต้องพบพระบิดาของพระองค์” เขาทูล “ข้าต้องการโอกาสได้อธิบายกับพระองค์ด้วยตัวเอง ว่าข้าไม่ได้ทำ ว่าข้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หากพระองค์ตัดสินพระทัยจะลงโทษข้า ข้าก็ยินดี แต่ขอโอกาสให้ข้าสักครั้ง ข้าอยากให้พระองค์ได้ทรงทราบ ข้าขอท่านเพียงเท่านี้”
เจ้าชายรีซทอดเนตรมองเขาเขม็งอย่างประเมิน ในที่สุดหลังจากนานเหมือนจะไม่สิ้นสุด เจ้าชายก็ทรงพยักพระพักตร์
“ข้าพาเจ้าไปเฝ้าพระบิดาได้ ข้ารู้ทางด้านหลังที่จะไปถึงห้องบรรทมเลย แต่มันเสี่ยง เมื่อเจ้าเข้าไปแล้ว เจ้าต้องพึ่งตัวเอง มันไม่มีทางออกและข้าจะช่วยอะไรเจ้าไม่ได้อีก มันอาจจะหมายถึงชีวิต เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการจะเสี่ยง?”
ธอร์พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” เจ้าชายตรัส แล้วเอื้อมไปหยิบเสื้อคลุมโยนให้ธอร์
ธอร์รับไว้แล้วมองดูอย่างประหลาดใจ เขารู้ว่าเจ้าชายรีซต้องคิดเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว
เจ้าชายรีซทรงแย้มสรวลขณะที่ธอร์เงยหน้าขึ้นมอง
“ข้ารู้ว่าเจ้าโง่พอที่จะอยู่ ข้าไม่หวังอะไรที่น้อยกว่านี้จากเพื่อนรักของข้าหรอก”
บทที่ สี่
เจ้าชายกาเร็ธทรงดำเนินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องบรรทม คิดทบทวนเหตุการณ์ในคืนนี้ด้วยความวิตกกังวล พระองค์ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง ทุกสิ่งมันผิดพลาดไปหมด ทรงไม่เข้าใจว่าเจ้าเด็กโง่ธอร์ คนนอกคอกนั่น ล่วงรู้แผนการลอบวางยาพิษของพระองค์ได้อย่างไร และยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถปัดถ้วยเสวยได้เสียอีก เจ้าชาย
กาเร็ธคิดย้อนไปถึงขณะที่ทรงเห็นธอร์กระโดดเข้าปัดถ้วยเสวย ตอนที่ทรงเห็นถ้วยหล่นกระทบพื้นหิน เห็นเหล้าไวน์หกนองพื้น เหมือนกับเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์หกกระจายลงไปด้วย
ในชั่วขณะนั้นเจ้าชายกาเร็ธทรงรู้สึกว่าแผนการพังพินาศ ทุกสิ่งที่ทรงหวังย่อยยับลงไป และเมื่อเจ้าหมาตัวนั้นเลียเหล้าไวน์แล้วขาดใจตาย ก็ทรงรู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ทรงเห็นทั้งชีวิตวาบขึ้นตรงหน้า ทรงเห็นตัวเองถูกจับได้ ถูกตัดสินจองจำอยู่ในคุกใต้ดินในข้อหาที่พยายามลอบปลงพระชนม์พระบิดา หรือแย่กว่านั้นก็คงถูกประหารชีวิต มันช่างโง่เง่า พระองค์ไม่น่าจะเริ่มแผนการนี้ ไม่น่าไปหายายแม่มดนั่น
แต่อย่างน้อยเจ้าชายกาเร็ธก็ทรงมีปฏิภาณ อาศัยจังหวะผุดลุกขึ้นยืน แล้วชี้นิ้วป้ายความผิดไปที่ธอร์ เมื่อคิดย้อนกลับไปทรงรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่มีไหวพริบ ความคิดที่ผุดขึ้นมาในขณะนั้นดูจะได้ผลจนต้องประหลาดใจ พวกนั้นลากธอร์ออกไป แล้วหลังจากนั้นงานเลี้ยงก็เกือบจะเรียบร้อยลงอีกครั้ง แน่ละ ว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก แต่อย่างน้อยที่สุด ความสงสัยก็ตกอยู่ที่เจ้าหนุ่มคนนั้น
เจ้าชายกาเร็ธได้แต่ภาวนาให้เป็นเช่นนั้นไปตลอด มันนานหลายศตวรรษมาแล้วนับตั้งแต่มีคนพยายามจะลอบปลงพระชนม์ราชาแม็คกิล และเจ้าชายกาเร็ธทรงกลัวว่าจะมีข้อกังขา และจะมีคนขุดคุ้ยลึกลงไป เมื่อคิดย้อนไปช่างเป็นเรื่องโง่เขลาที่พยายามจะวางยาพิษพระราชา พระบิดาของพระองค์เป็นผู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ เจ้าชายน่าจะรู้ดี ว่าทรงทำเรื่องเกินตัว และตอนนี้เจ้าชายทรงอดรู้สึกไม่ได้ว่าเหมือนกับกำลังรอเวลาที่พระองค์จะตกเป็นผู้ต้องสงสัย คงจะต้องทำอะไรเพื่อยืนยันว่าธอร์เป็นคนผิด และให้มันถูกประหารไปก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
อย่างน้อยที่สุดเจ้าชายกาเร็ธก็จะได้แก้หน้า หลังจากที่ทำพลาดไป พระองค์ได้ยกเลิกแผนการลอบปลงพระชนม์ ตอนนี้ทรงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว หลังจากที่ทรงเห็นว่าผิดแผน เจ้าชายทรงตระหนักว่าส่วนหนึ่งของพระองค์ไม่ต้องการปลงพระชนม์พระบิดา ไม่อยากให้โลหิตเปื้อนมือ พระองค์คงจะไม่ได้เป็นราชา และอาจจะไม่มีวันได้เป็น แต่หลังจากเรื่องในคืนนี้ที่ลงเอยไปด้วยดี อย่างน้อยพระองค์ก็เป็นอิสระ และคงจะไม่ทรงสามารถรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้อีก ทั้งความลับ การปิดบัง ความกังวลว่าจะถูกเปิดโปง มันมากเกินไปสำหรับพระองค์