“ไคร่า” เป็นเสียงที่คุ้นเคย
เธอหันกลับไปยังเสียงนั้นและรู้สึกโล่งอกที่ได้เห็นใบหน้าอันยิ้มแย้มของเอนวินขณะที่เดินเข้ามาหาเธอ เขามองเธอด้วยความเคารพ ความอ่อนโยน และความอบอุ่นอย่างที่เคยเป็นเสมอมา เขาโอบไหล่ข้างหนึ่งของเธอด้วยความรัก มีรอยยิ้มกว้างภายใต้เคราของเขา และถือดาบเล่มใหม่ที่สะท้อนแสงเป็นประกายต่อหน้าเธอ ดาบเล่มนี้แกะสลักเป็นสัญลักษณ์ของแพนดีเซีย
“นับเป็นโลหะที่ดีที่สุด ที่ฉันเคยเห็นมาในเวลาหลายปีเลยที่เดียว” เขาพูดพร้อมกับยิ้ม “ขอบคุณเธอ ที่ทำให้เราได้อาวุธมากพอที่จะทำสงคราม เธอช่วยให้เรากลายเป็นศัตรูที่น่าเกรงขามเลยทีเดียว”
ไคร่ารู้สึกดีที่ได้ยินคำพูดของเขาเหมือนที่เคยมาทุกครั้ง ถึงกระนั้น เธอก็ยังไม่อาจสลัดความรู้สึกหดหู่ ความสับสน ที่ถูกเมินเฉยจากมังกรได้ เธอยักไหล่
“ฉันไม่ได้ทำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้” เธอตอบ “เป็นธีโอส์ต่างหาก”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ธีโอส์กลับมาเพื่อช่วย เธอ” เขาตอบ
ไคร่าเหลือบมองไปยังท้องฟ้าสีเทาเบื้องบนที่ขณะนี้ว่างเปล่า และเธอเริ่มเกิดความสงสัย
“ฉันไม่แน่ใจนักหรอก”
ทั้งสองมองท้องฟ้าอย่างเงียบงันเป็นเวลาเนิ่นนาน มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านเท่านั้น
“พ่อของเธอรอเธออยู่” เอนวินเอ่ยออกมาในที่สุด นำเสียงของเขาจริงจัง
ไคร่าเดินไปพร้อมเอนวิน เสียงกรอบแกรบของน้ำแข็งและหิมะดังใต้รองเท้าบูท พวกเขาเดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังทำงานกันอยู่ เดินผ่านทหารของพ่อของเธอสิบคนที่กระจายอยู่ทั่วฐานทัพแห่งอาร์โกส์ รู้สึกผ่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเมื่อเห็นทหารเหล่านี้พากันหัวเราะ ดื่มกัน บ้างกระทบไหล่กัน ขณะที่รวบรวมอาวุธและเสบียง พวกเขาเป็นเหมือนเด็ก ๆ ในวันแห่งออล ฮอลโลว์
เหล่าทหารของพ่อของเธออีกหลายสิบคนเข้าแถวเรียงกันเพื่อส่งต่อถุงเมล็ดข้าวของแพนดีเซีย จนรถบรรทุกมีถุงเมล็ดข้าวกองสูง รถอีกคันมีเกราะที่ส่งเสียงกระทบกันในขณะที่แล่นไป มันกองทับกันสูงมากจนบางส่วนหล่นออกด้านข้าง มีทหารพยายามเก็บอุปกรณ์ที่ตกลงมากลับคืน รถเหล่านี้ล้วนมุ่งหน้าไปที่ป้อมปราการ บางคันอยู่บนเส้นทางกลับไปที่โวลิส คันอื่น ๆ มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่พ่อของเธอสั่งการไว้ ทุกคันล้วนบรรทุกจนปริ่มขอบ ไคร่ารู้สึกพอใจในภาพที่เห็น ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อสงครามที่เธอเป็นผู้กระตุ้นให้เกิดเริ่มลดลง
พวกเขาเลี้ยวที่มุมหนึ่งในขณะที่ไคร่ามองเห็นพ่อของเธอ รายล้อมไปด้วยทหารของเขา กำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบดาบและหอกที่พวกเขานำออกมาให้พ่อของเธอได้ตรวจตรา พ่อของไคร่าหันมา ในขณะที่เธอเดินเข้าไป เขาส่งสัญญาณให้เหล่าทหารแยกย้ายออกไป ปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพัง
พ่อของเธอหันมามองที่เอนวิน ในขณะที่เอนวินยืนอยู่ตรงนั้นสักครู่ ไม่แน่ใจปนประหลาดใจในอาการมองแบบนิ่งเงียบของเขา ในที่สุดเขาก็สั่งให้เอนวินออกมาจากที่นั่นเช่นกัน เอนวินจึงเข้าไปร่วมกับทหารคนอื่น ๆ ปล่อยให้ไคร่าอยู่เพียงลำพังกับพ่อของเธอ เธอเองก็ประหลาดใจเช่นกัน – เขาไม่เคยขอให้เอนวินออกมาก่อนเลย
ไคร่ามองขึ้นไปยังใบหน้าของพ่อเธอ เขามีสีหน้าที่ไม่มีใครคาดเดาได้เหมือนเช่นเคย เป็นสีหน้าที่นิ่งเฉยของผู้นำทหาร ไม่ใช่ใบหน้าของพ่อที่เธอเคยรู้จักและเคยรัก เขามองตรงลงมายังเธอ ทำให้เธอรู้สึกประหม่า ในขณะที่ความคิดหลายอย่างแล่นผ่านเข้ามาในหัวเธอในเวลาเดียวกัน: พ่อภูมิใจในตัวฉันหรือเปล่านะ? หรือเขาโกรธที่เธอเป็นคนจุดชนวนสงครามนี้ขึ้น? เขาผิดหวังหรือเปล่าที่ธีโอส์ขับไสไล่ส่งเธอและละทิ้งกองทหารของเขา?
ไคร่าได้แต่รอ เธอเคยชินกับการนิ่งเงียบเป็นเวลานานก่อนจะเอ่ยปากบอกสิ่งใด และเธอไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ หลายสิ่งได้เปลี่ยนแปลงระหว่างทั้งสองในเวลาอันรวดเร็ว เธอรู้สึกเหมือนกับโตขึ้นมาในชั่วเวลาข้ามคืน ในขณะที่เขาเปลี่ยนไปจากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนกับว่าทั้งคู่ไม่รู้ว่าจะสานสัมพันธ์ดังเดิมได้อย่างไร เขายังคงเป็นพ่อที่เธอรู้จักและรักหรือไม่ คนที่อ่านนิทานให้เธอฟังก่อนเข้านอนตอนกลางคืนหรือเปล่า? หรือเขาเป็นผู้บังคับบัญชาของเธอแล้วในตอนนี้?
เขายังยืนนิ่ง จ้องมอง และเธอคิดได้ว่าเขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไร ในขณะที่ความเงียบเริ่มกดดันคนทั้งสองมากยิ่งขึ้น มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่าน คบเพลิงที่เหล่าทหารจุดเพื่อขับไล่ความมืดในยามค่ำคืนส่องแสงวับวาวอยู่ด้านหลัง ในที่สุด ไคร่าก็ไม่อาจทนกับความเงียบได้อีกต่อไป
“พ่อจะนำสิ่งของเหล่านี้กลับไปที่โวลิสหรือ?” เธอถามขณะที่รถขนดาบวิ่งผ่านส่งเสียงโลหะกระทบกัน
เขาหันไปสำรวจรถคันนั้นและดูเหมือนว่าจะหลุดออกมาจากภวังค์ เขาไม่ได้หันกลับมายังไคร่า ยังคงมองไปที่รถในขณะที่ส่ายหัว
“โวลิสไม่มีสิ่งใดให้เราอีกต่อไปนอกจากความตาย” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มและเด็ดขาด “เรามุ่งหน้าไปทางใต้แล้วในขณะนี้”
ไคร่ารู้สึกประหลาดใจ
“ทางใต้หรือ?” เธอถาม
เขาพยักหน้า
“เอสเฟส” เขาเอ่ยออกมา
หัวใจของไคร่าท่วมท้นไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อเธอนึกภาพการเดินทางไปยังเอสเฟส ป้อมปราการอันแข็งแกร่งบนเกาะในทะเล เพื่อนบ้านที่ยิ่งใหญ่แห่งแดนใต้ เธอยิ่งรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อเธอนึกได้ว่า – การเดินทางไปที่แห่งนั้นมีความหมายแต่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น: เขากำลังตระเตรียมทำสงคราม
เขาพยักหน้า เหมือนจะอ่านใจเธอออก
“เราจะไม่หันหลังกลับไปอีกแล้ว” เขาบอก
ไคร่ามองพ่อของเธอด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนเป็นเวลาหลายปีแล้ว เขาไม่ใช่เพียงนักรบที่มีความพึงพอใจกับชีวิตวัยกลางคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ปกป้องฐานทัพเล็ก ๆ อีกต่อไป แต่เขาคือผู้บัญชาการรบที่กล้าหาญที่สุดที่เคยได้รู้จัก ผู้ซึ่งยินดีจะเสี่ยงเพื่ออิสรภาพ
“เราจะไปกันเมื่อไร?” เธอถาม หัวใจเธอเต้นโครมคราม ด้วยความหวังที่จะทำศึกเป็นครั้งแรกในชีวิต
เธอต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเขาส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่เรา” เขาแก้ไข “ฉันและทหารของฉัน ไม่ใช่เธอ”
ไคร่ารู้สึกผิดหวัง คำพูดของเขาเปรียบเสมือนมีดที่กรีดดวงใจของเธอ
“พ่อจะทิ้งลูกไว้ที่นี่หรือ?” เธอถามอย่างตะกุกตะกัก “หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้นะหรือ? ลูกต้องทำอย่างไรจึงจะพิสูจน์ตัวเองกับพ่อได้?”
เขาส่ายหน้า ในขณะที่เธอรู้สึกสิ้นหวังที่เห็นแววตาอันหนักแน่นในสายตาของเขา สายตาแบบที่เธอรู้ดีว่า เขาจะไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
“ลูกจะต้องไปหาลุงของเจ้า” เขาบอก มันเป็นคำสั่งไม่ใช่การขอร้อง และด้วยคำพูดเหล่านี้ เธอรู้ดีถึงสถานะของเธอในเวลานี้ เธออยู่ในสถานะของทหารคนหนึ่ง ไม่ใช่ลูกของเขา ความรู้สึกนี้เจ็บปวดไม่น้อย
ไคร่าหายใจเข้าลึก – เธอจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก
“แต่ลูกต้องการต่อสู้เคียงข้างพ่อ” เธอยืนยัน “ลูกช่วยพ่อได้”
“เธอ จะ ได้ช่วยฉันแน่” เขาบอก “ด้วยการไปยังสถานที่ที่ต้องการลูก และพ่อต้องการให้เธอไปอยู่กับลุง”
เธอขมวดคิ้ว พยายามทำความเข้าใจ
“แต่ทำไม่ล่ะ?” เธอถาม
เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่ จนในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ
“ลูกมี ...” เขาเริ่มพูด “...ทักษะ ที่พ่อเองก็ไม่เข้าใจ ทักษะที่เราต้องการเพื่อที่จะชนะในศึกสงครามครั้งนี้ ทักษะที่มีเพียงลุงของลูกเท่านั้นที่รู้ว่าจะฟูมฟักอย่างไร”
เขายื่นมือออกมาจับไหล่ของเธออย่างมีความหมาย
“หากลูกต้องการช่วยเราแล้วละก็” เขาเสริม “หากลูกต้องการช่วยผู้คนของเรา ที่แห่งนั้นคือสถานที่ที่ต้องการลูก พ่อไม่ต้องการทหารเพิ่มอีกหนึ่งคน – พ่อต้องการความสามารถอันโดดเด่นที่ลูกมีอยู่ ทักษะที่ไม่มีใครมีเสมอเหมือน”
เธอมองเห็นถึงความกระตือรือร้นในดวงตาของเขา แม้ว่าเธอจะรู้สึกแย่ที่ไม่สมหวังที่จะติดตามเขาไป เธอรู้สึกว่าได้รับคำยืนยันจากคำพูดของเขา – ประกอบกับความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มพูนยิ่งขึ้น เธอสงสัยว่าทักษะที่เขาพูดนี้หมายถึงอะไร และยิ่งสงสัยว่าลุงของเธอคือใคร
“ไปและเรียนรู้ในสิ่งที่พ่อไม่สามารถสอนลูกได้” เขาพูดต่อ “กลับมาอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น และมาช่วยให้พ่อมีชัยชนะ”
ไคร่ามองไปที่ดวงตาของเขา และเธอรู้สึกได้ถึงความเคารพ และความอบอุ่นที่ได้รับกลับคืนมา ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอีกครั้ง
“การเดินทางไปเออร์เป็นระยะทางที่ไกลมาก” เขาเสริม “ใช้เวลาขี่ม้าถึง 3 วันเต็มไปทางตะวันตกและขึ้นเหนือ ลูกจะต้องข้ามเอสคาลอนโดยลำพัง ต้องขี่ม้าด้วยความรวดเร็ว ต้องซ่อนตัว และต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางถนน เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ในไม่ช้าจะแพร่กระจายออกไป และลอร์ดแห่งแพนดีเซียจะโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เส้นทางถนนจึงมีอันตรายมาก ลูกต้องใช้เส้นทางในป่า ขี่ขึ้นเหนือมองหาทะเล และพยายามมองทะเลไว้ เพราะมันคือเข็มทิศของลูก เดินทางไปตามแนวชายทะเล แล้วลูกจึงจะเจอเออร์ หลีกเลี่ยงหมู่บ้าน หลีกเลี่ยงผู้คน จงอย่าหยุด จงอย่างบอกใครเป็นอันขาดว่าลูกจะไปที่ไหน และอย่าพูดกับใครเด็ดขาด”
เขาจับไหล่เธอแน่น ด้วยแววตาที่เศร้าหมองและดูเร่งรีบ มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บแปลบ
“ลูกเข้าใจพ่อไหม?” เขาเรียกร้อง “มันเป็นการเดินทางที่อันตรายสำหรับผู้ชายก็ตาม – ไม่ต้องพูดถึงหากเป็นเด็กผู้หญิงที่ต้องเดินทางเพียงลำพัง พ่อไม่อาจหาคนไปเป็นเพื่อนเธอได้ พ่อต้องการให้ลูกมีความเข้มแข็งพอที่จะทำสิ่งนี้เพียงผู้เดียว ทำได้ไหม?”
เธอรับรู้ได้ถึงความกลัวในเสียงของเขา เป็นความรักของพ่อผู้ห่วงลูก และเธอพยักหน้ารับ รู้สึกภาคภูมิใจว่าเขาเชื่อใจให้เธอปฏิบัติภารกิจนี้
“ลูกทำได้ ท่านพ่อ” เธอพูดด้วยความภาคภูมิใจ
เขาสังเกตเธอ แล้วในที่สุดก็พยักหน้า ด้วยความพึงพอใจ ในไม่ช้า ดวงตาของเขาก็เอ่อล้นด้วยน้ำตา
“ในบรรดาคนทั้งหมดที่มี” เขาบอก “บรรดานักรบทั้งหมดเหล่านี้ ลูกเป็นคนซึ่งพ่อต้องการมากที่สุด ไม่ใช่พี่ ๆ ของเธอหรือแม้แต่ทหารที่ไว้ใจได้ มี เธอ เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถนำชัยในศึกสงครามนี้ได้”
ไคร่ารู้สึกสับสนและท่วมท้นในเวลาเดียวกัน เธอยังไม่เข้าใจเต็มที่นักว่าเขาหมายความว่าอะไร ขณะที่จะเอ่ยปากถาม เธอก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา
เธอหันไปเห็นเบย์เลอร์ ผู้ดูแลม้าของพ่อของเธอ เขาเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเคย ชายร่างอ้วนเตี้ย คิ้วดกหนา ผมเป็นเส้นเหมือนเส้นด้าย เขาเดินเข้ามาหาคนทั้งสองด้วยท่าทีวางโตและยิ้มให้เธอ หลังจากนั้นจึงมองพ่อของเธอเหมือนกับรอการอนุญาตจากเขา