เขาประเมินความจงรักภักดีที่กองรบเงินมีต่อเจ้าชายเคนดริคต่ำเกินไป หากแม้ดาร์ล็อคจะมาด้วยข้อหาที่ชอบธรรม ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เจ้าชายเคนดริคทรงสงสัยอย่างยิ่งว่าเพื่อนพ้องทหารของพระองค์จะยอมให้พระองค์ถูกลากตัวไปหรือไม่ พวกเขาจงรักภักดีด้วยชีวิตและวิญญาณ นี่เป็นบัญญัติของกองรบเงิน ซึ่งพระองค์ก็คงจะปฏิบัติเช่นเดียวกันหากเพื่อนพ้องคนใดคนหนึ่งมีภัย นอกจากนี้ทุกคนยังร่วมฝึกมาด้วยกัน ต่อสู้ด้วยกันมาตลอดชีวิต
เจ้าชายเครดริคทรงรู้สึกถึงความตึงเครียดที่ลอยอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัดนี้ เหล่ากองรบเงินชักอาวุธออกมาเผชิญหน้ากับทหารองครักษ์แค่สิบสองนาย ที่กำลังยืนกระสับกระส่าย ดูยิ่งไม่สบายใจอยู่ในขณะนี้ พวกเขารู้ดีว่าจะต้องมีการนองเลือดแน่หากชักดาบออกมา ซึ่งทุกคนก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น ทั้งหมดต่างยืนนิ่งและรอคำสั่งจากดาร์ล็อค ผู้บัญชาการของพวกเขา
ดาร์ล็อคกลืนน้ำลาย ดูยิ่งกังวล เขารู้ดีว่าสถานการณ์ของเขานั้นสิ้นหวัง
“ดูเหมือนท่านจะพาคนมาไม่พอ” เจ้าชายเครดริคตรัสอย่างสงบ พลางแย้มสรวล “ทหารองครักษ์สิบสองนายกับกองรบเงินนับร้อย ฝ่ายท่านดูจะแพ้นะ”
ดาร์ล็อคหน้าแดงแล้วกลับยิ่งซีดเผือด เขากระแอม
“ฝ่าบาท เราต่างรับใช้อาณาจักรเดียวกัน ข้าไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับพระองค์ ทรงตรัสถูกแล้ว พวกเราไม่อาจชนะ หากเป็นพระประสงค์ พวกเราจะออกไปแล้วกลับไปหาพระราชา”
“แต่พระองค์ทรงรู้ดีว่าราชากาเร็ธจะทรงส่งคนมากขึ้นมาจับพระองค์ ทหารคนอื่น และพระองค์ทรงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระองค์อาจจะทรงสังหารพวกเขาทั้งหมด แต่ทรงต้องการให้พี่น้องทหารล้มตายด้วยพระหัตถ์ของพระองค์อย่างนั้นหรือ? ทรงต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองจริง ๆ หรือ? เพื่อพระองค์แล้ว เพื่อนทหารของพระองค์พร้อมที่จะเสี่ยงชีวิต และสังหารทุกคน แต่นั่นยุติธรรมกับพวเขาแล้วหรือ?”
เจ้าชายเคนดริคทอดพระเนตรเขา พลางทรงคิดทบทวน ดาร์ล็อคพูดมีประเด็น พระองค์ไม่ต้องการให้เพื่อนทหารคนใดบาดเจ็บเพื่อพระองค์ ทรงปรารถนาที่จะปกป้องพวกเขาจากการนองเลือด ไม่ว่าจะเพื่อพระองค์เองก็ตาม และไม่ว่ากาเร็ธอนุชาของพระองค์จะชั่วร้ายและเป็นราชาที่แย่เพียงใด เจ้าชายเคนดริคไม่ทรงต้องการให้เกิดสงครามกลางเมือง อย่างน้อยที่สุดต้องไม่ใช่เพราะพระองค์ ยังมีวิธีอื่นอีก พระองค์ทรงรู้ว่าการเผชิญหน้าโดยตรงไม่ใช่วิธีที่ได้ผลเสมอไป
เจ้าชายเคนดริคทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปช้า ๆ และลดดาบของแอทมี สหายของพระองค์ลง ทรงหันไปหาเพื่อนกองรบเงินคนอื่น ๆ เจ้าชายทรงซาบซึ้งที่พวกเขาออกมาปกป้องพระองค์
“สหายกองรบเงินของข้า” เจ้าชายตรัส “ข้ารู้สึกขอบคุณที่พวกท่านปกป้องข้า และข้ารับรองว่ามันจะไม่สูญเปล่า ทุกคนต่างรู้จักข้าดี ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสวรรคตของพระบิดา อดีตพระราชา และเมื่อข้าพบตัวฆาตกรที่แท้จริง ผู้ที่ข้าสงสัยและได้พบจากคำสั่งเหล่านี้แล้ว ข้าจะเป็นคนแรกที่จะแก้แค้น ข้าถูกใส่ความอย่างผิด ๆ แต่ข้าไม่ปรารถนาจะให้เกิดสงครามกลางเมือง ดังนั้นโปรดลดอาวุธของพวกท่าน ข้าจะยอมให้พวกเขานำตัวไปอย่างสันติ เพราะคนในอาณาจักรวงแหวนไม่ควรจะต่อสู้กันเอง หากความยุติธรรมยังมีอยู่ ความจริงจะต้องเปิดเผยออกมา และข้าจะกลับมาหาพวกท่านทันที”
ทหารกองรบเงินค่อย ๆ ลดอาวุธลงอย่างช้า ๆ และไม่เต็มใจ เมื่อเจ้าชายเครดริคทรงหันกลับไปหาดาร์ล็อค เจ้าชายเสด็จไปยังประตูพร้อมกับดาร์ล็อค โดยมีทหารองครักษ์รายล้อม เจ้าชายเคนดริคทรงดำเนินอย่างองอาจ ผึ่งผายอยู่ตรงกลาง ดาร์ล็อคไมได้พยายามจะใส่ตรวนพระองค์ อาจจะด้วยความเคารพ หรือความกลัว หรืออาจเป็นเพราะดาร์ล็อครู้ดีว่าพระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าชายเคนดริคทรงยอมให้จับกุม แต่พระองค์จะไม่ยอมแพ้อย่างง่ายดาย พระองค์จะต้องล้างมลทิน และเป็นอิสระจากคุกใต้ดิน และสังหารฆาตกรที่ปลงพระชนม์พระบิดาของพระองค์ แม้มันผู้นั้นจะเป็นอนุชาของพระองค์เองก็ตาม
บทที่ สาม
เจ้าหญิงเกว็นโดลีนประทับอยู่ที่ใต้ถุนปราสาท โดยมีเจ้าชายก็อดฟรีย์ ผู้เป็นพระเชษฐาประทับอยู่เคียงข้าง กำลังทอดพระเนตรสเตฟเฟนที่ยืนกระสับกระส่าย บิดมือไปมา เขาช่างเป็นคนประหลาด ไม่ใช่เพียงเพราะเขาพิกลพิการ หลังบิดค่อม แต่เพราะเขาดูจะเต็มไปด้วยพลังความวิตกกังวล ดวงตาของเขาลอกแลก มือบีบกันแน่นราวกับกำลังอึดอัดกับความรู้สึกผิด เขายืนโยกตัวไปมา ขยับไปมาระหว่างสองเท้า และพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงต่ำ เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดว่าตลอดเวลาหลายปีที่อยู่ข้างล่างนี่ เห็นได้ชัดว่าหลายปีที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวทำให้เขากลายเป็นคนประหลาด
เจ้าหญิงเกว็นทรงรออย่างคาดหวังให้เขาเปิดปากพูดออกมา เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระบิดาของพระนาง แต่จากวินาทีกลายเป็นนาที ขณะที่หางคิ้วของสเตฟเฟนมีเหงื่อผุดขึ้น และขณะที่เขายังคงโยกตัวไปมาแรงยิ่งขึ้น ก็ยังไม่กล่าวอะไรออกมา ยังคงมีเพียงความเงียบอันน่าอึดอัด แทรกด้วยเสียงพึมพำของเขา
เจ้าหญิงเกว็นเองทรงเริ่มมีพระเสโทไหล เปลวไฟที่ปะทุอยู่ในเตาอยู่ใกล้เกินไปในวันกลางฤดูร้อนเช่นนี้ พระนางทรงอยากให้เรื่องนี้จบลง และออกไปจากที่นี่ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก เจ้าหญิงทรงพิจารณาสเตฟเฟน พยายามตีความสีหน้าของเขา หาคำตอบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาสัญญาว่าจะบอกบางอย่าง แต่ตอนนี้กลับปิดปากเงียบ ขณะที่ทรงสำรวจดูเขานั้น เหมือนเขาจะเปลี่ยนใจ เห็นได้ชัดว่าเขากลัว เขาต้องปิดบังบางอย่างอยู่
ในที่สุด สเตฟเฟนก็กระแอมขึ้น
“ข้ายอมรับว่าในคืนนั้นมีบางอย่างหล่นลงมาตามปล่อง” เขาเริ่มทูล ไม่ยอมสบตา เสมองพื้น “แต่ข้าไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร มันเป็นโลหะ คืนนั้นเราเอากระโถนออกไปเท และข้าได้ยินเสียงบางอย่างตกลงไปในแม่น้ำ บางอย่างที่แตกต่างไป ดังนั้น” เขาทูล พลางกระแอมหลายครั้ง และบิดมือไปมา “ท่านคงจะทรงรู้ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันลอยหายไปในกระแสน้ำแล้ว”
“เจ้าแน่ใจไหม?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสถาม
สเตฟเฟนพยักหน้าอย่างแรง
เจ้าหญิงเกว็นและเจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงสบพระเนตรกัน
“อย่างน้อยที่สุดเจ้าได้เห็นมันไหม?” เจ้าชายทรงเค้นถาม
สเตฟเฟนส่ายหน้า
“แต่เจ้าบอกว่ามันเป็นมีดสั้น เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นมีดสั้น หากเจ้าไม่ได้เห็นมัน?” เจ้าหญิงเกว็นตรัสถาม พระนางทรงมั่นพระทัยว่าเขากำลังโกหก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
สเตฟเฟนกระแอมอีก
“ข้าบอกเช่นนั้นเพราะเขาเดาเอาว่ามันเป็นมีดสั้น” เขาทูล “มันเล็กและเป็นโลหะ จะเป็นอะไรอย่างอื่นได้อีก?”
“แล้วเจ้าได้ตรวจดูที่ก้นกระโถนใหม่?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสถาม “หลังจากที่เทมันทิ้งแล้วน่ะ? มันอาจจะยังอยู่ในนั้น อยู่ที่ก้นกระโถน”
สเตฟเฟนส่ายหน้า
“ข้าตรวจดูที่ก้นกระโถนแล้ว” เขาทูล “เขาทำเสมอ ไม่มีอะไร มันว่างเปล่า ไม่ว่ามันคืออะไร มันถูกพัดหายไปแล้ว ข้าเห็นมันลอยไป”
“ถ้ามันเป็นโลหะ มันจะลอยได้อย่างไร?” เจ้าหญิงเกว็นตรัสถาม
สเตฟเฟนกระแอมอีกแล้วยักไหล่
“แม่น้ำสายนี้น่าพิศวง” เขาทูลตอบ “กระแสน้ำแรงมาก”
เจ้าหญิงเกว็นทรงสบพระเนตรกับเจ้าชายก็อดฟรีย์อย่างสงสัย พระนางทรงบอกได้จากสีพระพักตร์ของพี่ชายว่าไม่ทรงเชื่อถือสเตฟเฟนเช่นกัน
เจ้าหญิงเกว็นทรงเริ่มหมดความอดทน ตอนนี้พระนางทรงสับสน เมื่อครู่ก่อนสเตฟเฟนทำท่าจะบอกทุกสิ่งอย่างที่เขาสัญญา แต่จู่ ๆ ก็เหมือนเขาเปลี่ยนใจ
เจ้าหญิงเกว็นทรงก้าวเข้าไปใกล้เขา พลางทำพระพักตร์บึ้งตึง พระนางทรงรู้ว่าชายคนนี้ปิดบังบางอย่างไว้ จึงทรงปั้นพระพักตร์ให้ดูดุดันที่สุด ขณะนั้นเองที่ทรงรู้สึกถึงพละกำลังของพระบิดาที่หลั่งไหลเข้ามาในพระวรกาย เจ้าหญิงตั้งพระทัยที่จะค้นหาสิ่งที่เขารู้ โดยเฉพาะหากมันจะช่วยหาตัวมือสังหารได้
“เจ้าโกหก” เจ้าหญิงตรัส น้ำเสียงเย็นชา มีพลังในน้ำเสียงที่ทำให้พระนางเองยังประหลาดพระทัย “เจ้ารู้ไหมว่าโทษของการโกหกราชนิกูลเป็นอย่างไร?”
สเตฟเฟนบิดมือและเกือบจะกระเด้งกลับเข้าที่ เขาเหลือบตาขึ้นมองพระนางครู่หนึ่งก่อนจะเมินหลบไป
“ข้าขออภัย” เขาทูล “ข้าขออภัย ได้โปรดเถิด ข้าไม่มีอะไรจะบอกแล้ว”
“เจ้าถามเราว่าเจ้าจะได้เว้นโทษขังคุกหรือไม่ หากบอกสิ่งที่เราอยากรู้” เจ้าหญิงตรัส “แต่เจ้ากลับไม่บอกอะไร เจ้าถามเช่นนั้นทำไมหากเจ้าไม่มีอะไรจะบอกเรา?”
สเตฟเฟนเลียริมฝีปาก ก้มมองพื้น
“ข้า…ข้า…เอ่อ” เขาเริ่มพูดแล้วกลับหยุด เขากระแอมกระไอ “ข้ากังวล…ว่าจะเดือดร้อนที่ไม่รายงานว่ามีวัตถุหล่นลงมาทางปล่องเท่านั้นเอง ข้าขออภัย ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันหายไปแล้ว”
เจ้าหญิงเกว็นหรี่พระเนตร จ้องมองเขา พยายามค้นให้ถึงก้นบึ้งของชายประหลาดคนนี้
“เกิดอะไรขึ้นกับนายงานของเจ้ากันแน่?” เจ้าหญิงตรัสถาม ไม่ยอมปล่อยเขาหลุดจากเบ็ด “มีคนบอกเราว่าเขาหายตัวไป และเจ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
สเตฟเฟนส่ายศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า
“เขาจากไป” สเตฟเฟนทูล “ข้ารู้เพียงเท่านั้น ข้าขออภัย ข้าไม่รู้อะไรที่จะช่วยพระองค์ได้”
ทันใดนั้นเกิดเสียงดังมาจากอีกฟากห้อง ทั้งหมดหันไปเห็นสิ่งปฏิกูลกำลังไหลลงมาตามปล่อง สาดกระจายลงสู่กระโถนใบใหญ่ สเตฟเฟนหันหลังแล้วรีบวิ่งไปที่กระโถน เขายืนอยู่ข้าง ๆ กระโถนใบใหญ่ เฝ้าดูสิ่งปฏิกูลจากชั้นบนที่เติมลงมา
เจ้าหญิงเกว็นหันมาหาเจ้าชายก็อดฟรีย์ที่กำลังทอดพระเนตรมาเช่นกัน เจ้าชายเองก็แสดงความสงสัยไม่แพ้กัน
“ไม่ว่าเขากำลังปิดบังอะไรไว้” เจ้าหญิงตรัส “เขายังไม่ยอมพูด”
“เราจับเขาไปขังไว้ได้” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัส “นั่นอาจจะทำให้เขาพูด”
เจ้าหญิงเกว็นส่ายพระเศียร
“ข้าไม่เห็นด้วย ไม่ใช่กับชายคนนี้ เขาดูหวาดกลัวมากอย่างเห็นได้ชัด ข้าว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับนายงานของเขา แน่นอนว่าเขาไม่สบายใจกับบางอย่าง แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับการสวรรคตของพระบิดา ข้าคิดว่าเขารู้บางเรื่องที่อาจช่วยเราได้ แต่ข้าสัมผัสได้ว่าการต้อนเขาให้จนมุมมีแต่จะทำให้เขาปิดตัวเอง”
“ถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสถาม