เจ้าหญิงเกว็นประทับยืนนิ่ง พลางครุ่นคุด พระนางทรงนึกถึงพระสหายคนหนึ่งสมัยทรงพระเยาว์ ที่ถูกจับได้ว่าโกหก พ่อแม่ของนางกดดันทุกอย่างเพื่อให้นางพูดความจริง แต่นางก็ไม่ทำ แต่ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา เมื่อทุกคนเลิกสนใจนางในที่สุด นางกลับก้าวออกมาบอกทุกอย่างเอง เจ้าหญิงเกว็นทรงสัมผัสถึงพลังแบบเดียวกันนี้จากสเตฟเฟน ว่าการต้อนเขาจนมุมจะทำให้เขาปิดตัวเอง เขาต้องการพื้นที่ที่จะก้าวออกมาด้วยตัวเอง
“ให้เวลาเขาหน่อย” พระนางตรัส “เราลองไปหาที่อื่น ดูสิว่าเราจะพบอะไร แล้วค่อยวนกลับมาหาเขาเมื่อเราได้อะไรมากกว่านี้แล้ว ข้าคิดว่าเขาจะเปิดใจมากกว่านี้ เขาเพียงแต่ยังไม่พร้อม”
เจ้าหญิงเกว็นทรงหันกลับไปมองเขาที่อยู่อีกฟากห้อง กำลังมองสิ่งปฏิกูลเติมลงไปในกระโถน พระนางแน่ใจว่าเขาจะต้องนำทั้งสองพระองค์ไปสู่ตัวคนที่ลอบปลงพระชนม์พระบิดา เพียงแต่ยังไม่ทรงรู้ว่าอย่างไรเท่านั้น เจ้าหญิงทรงสงสัยว่าความลับอะไรกันที่ซ่อนอยู่ลึกในใจเขา
เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดว่าเขาเป็นคนประหลาดมาก ประหลาดมากจริง ๆ
บทที่ สี่
ธอร์พยายามหายใจขณะที่กระพริบตาไล่น้ำที่เข้าตา จมูก ปาก และเทลงมารอบตัวเขา หลังจากลื่นไถลไปตามพื้นเรือ ในที่สุดเขาก็สามารถยึดลูกกรงไม้ไว้ได้แล้วเกาะไว้แน่นสุดชีวิต ขณะที่กระแสน้ำรุนแรงยังคงซัดใส่เขา กล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างกายของเขาสั่น ธอร์ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานเท่าใด
พี่น้องทุกคนรอบตัวเขาก็ทำเช่นเดียวกัน ต่างเกาะเกี่ยวสิ่งที่สามารถยึดได้ไว้แน่นสุดชีวิต ขณะที่น้ำยังพยายามพัดพวกเขาให้ตกเรือ แต่พวกเขาก็สามารถเกาะยึดไว้ได้
เสียงน้ำดังอึกทึก ทัศนวิสัยมองได้ไม่ไกลเกินสองสามฟุตตรงหน้า แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่สายฝนนั้นเย็น น้ำเย็นทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน คอล์คยืนอยู่ที่นั่น หน้าบึ้งตึง มือเท้าสะโพก ราวกับกำแพงน้ำนี้ไม่ผลกับเขา และตะโกนไปรอบตัว
“กลับไปยังที่นั่งของพวกเจ้า!” เขาตะโกน “พาย!”
คอล์คเองก็ลงนั่งแล้วเริ่มพาย ไม่นานเด็กหนุ่มคนอื่นก็ไถลและคลานไปตามดาดฟ้าเรือ มุ่งหน้ากลับไปยังม้านั่ง หัวใจธอร์เต้นแรงขณะที่เขาปล่อยมือ แล้วตะเกียกตะกายไปตามดาดฟ้าเรือ โครห์นอยู่ในเสื้อเชิ้ตของเขา ส่งเสียงคราง ขณะที่ธอร์ลื่นล้ม กระแทกลงบนพื้นดาดฟ้าเรือ
เขาคลานไปตามทางที่เหลือ และกลับไปถึงที่นั่งของตัวเองในไม่ช้า
“มัดตัวเองไว้!” คอล์คตะโกนบอก
ธอร์มองลงไปและเห็นเชือกมีปมอยู่ใต้ที่นั่งของเขา และในที่สุดก็รู้ว่ามันมาอยู่ที่นั่นเพื่ออะไร เขาเอื้อมลงไปและมัดเชือกไว้รอบข้อมือข้างหนึ่งของเขา ล่ามตัวเองไว้กับม้านั่งและไม้พาย
มันได้ผล เขาหยุดลื่นไถล และไม่ช้าก็สามารถพายเรือได้
เด็กหนุ่มรอบตัวเขากลับมาพายเรืออีกครั้ง เจ้าชายรีซประทับนั่งด้านหน้าเขา ธอร์รู้สึกได้ว่าเรือกำลังเคลื่อนที่ และภายในไม่กี่นาที กำแพงน้ำก็เบาลงด้านหน้า
ขณะที่เขาพายและพาย ผิวหนังของเขาแสบร้อนจากฝนประหลาดนี้ กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายปวดร้าว ในที่สุดเสียงฝนเริ่มเบาลง ธอร์รู้สึกว่าแรงของน้ำที่ตกลงบนศีรษะเริ่มน้อยลง ในไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็เข้ามาสู่ท้องฟ้าสดใส
ธอร์มองไปรอบ ๆ อย่างตกใจ มันแห้งสนิท สดใส เป็นเรื่องที่ประหลาดที่สุดที่เขาเคยเจอ เรือครึ่งลำอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ไม่เปียก ขณะที่อีกครึ่งลำถูกน้ำเทใส่ ตอนที่พวกเขาผ่านกำแพงน้ำออกมาสำเร็จ
ในที่สุดเรือทั้งลำก็อยู่ภายในท้องฟ้าสดใสสีฟ้าและเหลือง แสงอาทิตย์อบอุ่นสาดแสงลงมา ตอนนี้ทุกอย่างสงบเงียบ กำแพงน้ำหายไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนพ้องทหารยุวชนทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง มันเหมือนกับพวกเขาเพิ่งผ่านม่าน ไปสู่อีกอาณาจักร
“หยุดได้!” คอล์คตะโกน
เด็กหนุ่มรอบตัวธอร์ต่างวางไม้พายในมือลงพร้อมเสียงครางออกมาพร้อมกัน แล้วหอบหายใจ ธอร์ก็ทำเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายสั่นระริกและรู้สึกขอบคุณที่ได้พัก เขาล้มตัวลง อ้าปากหายใจและพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ปวดร้าว ขณะที่เรือของพวกเขาลอยลำไปสู่น่านน้ำใหม่
ในที่สุดธอร์ก็มีแรงขึ้นอีกครั้ง แล้วยืนขึ้นมองดูรอบ ๆ เขามองลงไปในน้ำ และเห็นว่าสีของน้ำเปลี่ยนไป ตอนนี้มันเป็นสีแดงจาง ๆ เป็นประกาย พวกเขามาถึงทะเลที่แปลกไปแล้ว
“ทะเลมังกร” เจ้าชายรีซตรัสอยู่ข้างเขา ขณะกำลังทอดพระเนตรลงไปด้วยความพิศวง “พวกเขาบอกว่ามันเป็นสีแดงด้วยโลหิตจากเหยื่อมังกร”
ธอร์มองลงไป มีฟองผุดพรายตรงนั้นตรงนี้ สัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำชั่วครู่หนึ่ง แล้วดำหายไป ไม่มีตัวใดโผล่ขึ้นมานานพอให้เขามองได้เต็มตา แต่เขาก็ไม่อยากจะลองดีแล้วก้มลงไปดูใกล้ขึ้น
ธอร์หันมา ซึมซับทุกอย่างไว้ด้วยความงุนงง ทุกสิ่งที่นี่ ที่อีกด้านของกำแพงน้ำดูแปลกและแตกต่างไป มีแม้กระทั่งหมอกสีแดงจาง ๆ ลอยอยู่เหนือพื้นน้ำ เขาสำรวจที่ขอบฟ้าและเห็นเกาะเล็ก ๆ หลายสิบเกาะ กระจายอยู่เหมือนหินทางเดินที่ขอบฟ้า
สายลมแรงพัดขึ้น คอล์คก้าวมาข้างหน้าแล้วตะโกน
“กางใบเรือ!”
ธอร์กระโดดเข้าไปพร้อมกับเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ รอบตัว คว้าเชือกแล้วดึงใบเรือขึ้นรับลม เมื่อใบเรือกินลม กระแสลมก็พาพวกเขาไป ธอร์รู้สึกว่าเรือแล่นฉิวเร็วกว่าที่เคย พวกเขามุ่งหน้าไปยังหมู่เกาะ เรือโยนตัวไปบนคลื่นลูกใหญ่ที่โผล่มาจากที่ใดไม่รู้ แล้วโยกโยนเป็นจังหวะนุ่มนวล
ธอร์เดินไปยังหัวเรือ พิงราวลูกกรงแล้วมองไปรอบ ๆ เจ้าชายรีซเสด็จมาข้างเขา โดยมีโอคอนเนอร์อยู่อีกข้าง ทั้งหมดยืนอยู่เคียงข้างกัน ขณะที่ธอร์มองดูหมู่เกาะใกล้เข้ามาเร็วขึ้น พวกเขายืนเงียบ ๆ อยู่นาน ธอร์เพลิดเพลินกับสายลมเปียกชื้นขณะที่ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย
ในที่สุดธอร์ก็รู้ว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ มันเริ่มใหญ่ขึ้น ธอร์รู้สึกหนาวสะท้านเมื่อรู้ว่ามันคือจุดหมายปลายทางของพวกเขา
“เกาะแห่งหมอก” เจ้าชายรีซตรัสอย่างยำเกรง
ธอร์มองดูอย่างสงสัย มันเริ่มมองเห็นเป็นรูปเป็นร่าง เป็นหินและชะง่อนผา ดูแห้งแล้ง และทอดตัวเหยียดยาวไปหลายไมล์ในทุกทิศทุกทาง ยาวและแคบ รูปร่างเหมือนกับเกือกม้า คลื่นลูกใหญ่ซัดกระแทกชายหาด เสียงดังจนได้ยินจากตรงนี้ เกิดฟองคลื่นซัดสาดเมื่อมันซัดกระแทกหินก้อนใหญ่ มีแนวพื้นดินเล็ก ๆ ด้านหลังแนวก้อนหิน จากนั้นจึงเป็นหน้าผาสูงชันเสียดฟ้า ธอร์ไม่เห็นทางเลยว่าเรือของพวกเขาจะสามารถเข้าเทียบได้อย่างปลอดภัย
หมอกสีแดงที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ทั่วเกาะนี้ เหมือนน้ำค้างที่เป็นประกายในแสงแดด ยิ่งทำให้มันดูแปลกประหลาด ให้ความรู้สึกน่าขนลุก ธอร์รู้สึกถึงบางอย่างที่โหดร้ายและเหนือธรรมชาติในเกาะแห่งนี้
“พวกเขาบอกว่ามันอยู่รอดมาหลายล้านปี” โอคอนเนอร์บอก “มันเก่าแก่กว่าอาณาจักรวงแหวน และเก่าแก่ยิ่งกว่าจักรวรรดิเสียอีก”
“มันเป็นของมังกร” เอลเด็นเสริม พลางก้าวมายืนข้างเจ้าชายรีซ
ขณะที่ธอร์กำลังมองอยู่นั้น จู่ ๆ อาทิตย์ดวงที่สองก็เคลื่อนไปเร็วบนท้องฟ้า ในไม่ช้าเวลากลางวันที่มีแสงแดดและสดใสก็กลายเป็นยามอาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าแต้มไปด้วยสีแดงและม่วง เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ธอร์ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์เคลื่อนที่เร็วเช่นนี้มาก่อน เขาสงสัยว่ามีอะไรที่แตกต่างไปอีกในส่วนนี้ของโลก
“มังกรอาศัยอยู่ที่เกาะนี้หรือ?” ธอร์ถาม
เอลเด็นส่ายหน้า
“เปล่า ข้าได้ยินว่ามันอาศัยอยู่ใกล้ ๆ นี้ พวกเขาบอกว่าหมอกสีแดงเกิดจากลมหายใจของมังกร มันหายใจในยามราตรีที่เกาะแห่งหนึ่งใกล้ ๆ และลมได้พัดพาลมหายใจมังกรมาปกคลุมเกาะนี้ในยามกลางวัน”
ธอร์ได้ยินเสียงดังขึ้น ตอนแรกฟังคล้ายเสียงสะเทือนเหมือนฟ้าผ่า ดังและยาวพอที่จะทำให้เรือสะเทือน โครห์นที่ยังอยู่ในเสื้อของเขา มุดหัวลงไปพลางส่งเสียงคราง
คนอื่น ๆ ต่างหันไปมอง เช่นเดียวกับธอร์ ที่ไหนสักแห่งตรงขอบฟ้า เขาคิดว่าเขาเห็นเงาร่างจาง ๆ ของเปลวไฟแลบเลียอาทิตย์อัสดง จากนั้นจึงหายไปหลังควันสีดำ เหมือนภูเขาไฟลูกเล็ก ๆ ที่ปะทุขึ้น
“มังกร” เจ้าชายรีซตรัส “เราอยู่ในเขตแดนของพวกมันแล้ว”
ธอร์กลืนน้ำลายพลางสงสัย
“แล้วพวกเราจะปลอดภัยอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” โอคอนเนอร์ถามขึ้น
“เจ้าจะไม่ปลอดภัยไม่ว่าที่ใด” มีเสียงดังก้องขึ้น
ธอร์หมุนตัวไปเห็นคอล์คกำลังยืนอยู่ มือเท้าสะโพก พลางมองดูขอบฟ้าข้ามไหล่พวกเขาไป
“นั่นคือเป้าหมายของการฝึกร้อยวัน เพื่อมีชีวิตอย่างเสี่ยงตายทุกวัน นี่ไม่ใช่การฝึกฝน มังกรอาศัยอยู่ไม่ไกล และไม่มีอะไรจะห้ามไม่ให้มันโจมตีได้ แต่เป็นไปได้ว่ามันจะไม่ทำ เพราะมันหวงสมบัติบนเกาะของมัน มังกรไม่ชอบทิ้งสมบัติไว้โดยไม่ปกป้อง แต่พวกเจ้าจะได้ยินคำรามและเห็นเปลวไฟของมันในยามราตรี และหากเราทำให้มันโกรธ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ธอร์ได้ยินเสียงดังอีก และเห็นเปลวไฟปะทุขึ้นอีกที่ขอบฟ้า เขาเฝ้ามองขณะที่เรือเข้าไปใกล้เกาะมากยิ่งขึ้น เห็นคลื่นซัดกระแทก เขาเงยหน้ามองดูหน้าผาชัน และกำแพงหิน แล้วสงสัยว่าพวกเขาจะขึ้นไปยังยอดเขา ไปยังที่ราบและพื้นดินได้อย่างไร
“แต่ข้าไม่เห็นมีตรงไหนที่เรือจะเข้าเทียบได้เลย” ธอร์กล่าว
นั่นมันจะง่ายเกินไป” คอล์คโต้กลับ
“ถ้าเช่นนั้นเราจะขึ้นไปที่เกาะได้อย่างไร?” โอคอนเนอร์ถาม
คอล์คยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว
“พวกเจ้าต้องว่ายน้ำไป” เขาบอก
ธอร์สงสัยว่าเขาคงจะล้อเล่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเห็นได้จากสีหน้าว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ธอร์กลืนน้ำลาย
“ว่ายน้ำหรือ?” เจ้าชายรีซทวนคำ อย่างไม่อยากเชื่อ
“ในน้ำทะเลนั่นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด!” เอลเด็นบอก
“โอ้ นั่นยังเป็นเรื่องเล็ก” คอล์คพูดต่อ “กระแสน้ำนั่นไม่น่าไว้ใจ แล้วน้ำวนพวกนั้นยังจะดูดเจ้าจมลงไป คลื่นพวกนั้นจะซัดกระแทกเจ้าเข้าหาหินแหลมนั่น น้ำยังร้อนด้วย และหากพวกเจ้าสามารถผ่านก้อนหินไปได้ พวกเจ้าต้องหาทางปีนหน้าผาขึ้นไปยังพื้นดินแห้ง หากพวกสัตว์ทะเลไม่จัดการเจ้าไปเสียก่อนนะ ขอต้อนรับสู่บ้านใหม่”
ธอร์ยืนเกาะรั้วลูกกรงอยู่กับคนอื่น ๆ มองลงไปยังพรายฟองของทะเลเบื้องล่าง น้ำหมุนวนอยู่ข้างล่างราวกับมีชีวิต กระแสน้ำรุนแรงมากขึ้นทุกวินาที ซัดเรือโคลงไปมาทำให้ยากที่พวกเขาจะทรงตัว ต่ำลงไปเบื้องล่าง กระแสน้ำเกรี้ยวกราด ปั่นป่วน เป็นสีแดงสว่างเหมือนกับเป็นโลหิตจากนรก ที่แย่ไปกว่านั้น เมื่อธอร์มองดูอย่างใกล้ชิด เขาเห็นสัตว์ทะเลโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำทุก ๆ สองสามฟุต โผล่ขึ้นมาอ้าปากที่มันฟันยาว แล้วมุดจมหายไป