พระองค์คือ ราชากาเร็ธมหาราช
ราชากาเร็ธทรงยื่นพระหัตถ์ข้างขวาออกไป ค่อย ๆ กำพระหัตถ์รอบด้ามดาบ ทรงรู้สึกถึงอัญมณีทุกเม็ด ทุกเส้นสายโครงร่างขณะที่กำด้ามดาบไว้ด้วยความตื่นเต้น พลังงานรุนแรงแผ่ผ่านมาสู่พระหัตถ์ ไล่ขึ้นมาตามพระพาหา และแผ่ไปทั่วพระวรกาย มันช่างไม่เหมือนสิ่งใดที่พระองค์ทรงเคยรู้สึก ตอนนี้คือเวลาของพระองค์ เป็นช่วงเวลาของพระองค์ตลอดกาล
ราชากาเร็ธจะไม่ทรงเสี่ยง พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์อีกข้างจับด้ามดาบไว้ด้วย แล้วทรงหลับพระเนตร หายพระทัยเข้าสั้น ๆ
หากพระเจ้าทรงยินดี โปรดให้ข้ายกมันได้ด้วยเถิด โปรดส่งสัญญาณบอกข้า แสดงให้ข้าเห็นว่าข้าคือราคา แสดงให้ข้าเห็นว่าข้าเกิดมาเพื่อครองบัลลังก์
ราชากาเร็ธทรงภาวนาเงียบ ๆ และรอคอยการตอบรับ รอดูสัญญาณสำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่วินาทีผ่านไป จนถึงสิบวินาที ทั้งอาณาจักรกำลังเฝ้ามองพระองค์ แต่พระองค์กลับไม่ได้ยินสิ่งใด
ทันใดนั้นเอง ราชากาเร็ธทรงเห็นพระพักตร์พระบิดา ทรงมองมาที่พระองค์อย่างบึ้งตึง
พระราชาทรงลืมพระเนตรขึ้นด้วยความหวาดกลัว ทรงต้องการลบภาพนั้นออกจากความคิด ราชากาเร็ธพระหทัยเต้นแรง ทรงรู้สึกว่านี่คือลางร้าย
แต่ถ้าไม่ทรงทำตอนนี้ก็ไม่ต้องทำอีกตลอดไป
ราชากาเร็ธเอนพระวรกายไปแล้วพยายามยกดาบขึ้นมาด้วยพละกำลังทั้งหมด พระองค์ทรงพยายามอย่างเต็มที่ จนสั่นกระตุกไปทั้งพระวรกาย
แต่ดาบกลับไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับการพยายามจะเคลื่อนย้ายรากฐานของโลก
ราชากาเร็ธยังทรงพยายามมากยิ่งขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดพระองค์ทรงเปล่งเสียงร้องและคำรามออกมา
ครู่ต่อมาก็ทรงล้มทรุดลง
ดาบไม่ขยับแม้เพียงสักนิ้ว
เสียงร้องอย่างตกตะลึงดังไปทั่วท้องพระโรงเมื่อพระองค์ทรงล้มลงกับพื้น ที่ปรึกษาหลายคนรีบเข้ามาถวายความช่วยเหลือ ตรวจดูว่าพระองค์ทรงสบายดีหรือไม่ ซึ่งพระองค์ผลักไสพวกเขาออกไปอย่างรุนแรง พระราชาทรงประทับยืนขึ้นด้วยพระบาททั้งสองข้างด้วยความอับอาย
ราชากาเร็ธทอดพระเนตรดูประชาชนของพระองค์ด้วยความเสียหน้า ทรงอยากรู้ว่าพวกเขามองพระองค์อย่างไรในตอนนี้
พวกเขาต่างหันหลังหนี พากันทยอยเดินออกจากท้องพระโรงไป ราชากาเร็ธทรงเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของพวกเขา ทรงเห็นว่าพระองค์เป็นเพียงราชาอีกองค์หนึ่งซึ่งทำไม่สำเร็จในสายตาของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาแต่ละคนได้รู้แล้วว่าพระองค์ไม่ใช่ราชาที่แท้จริง พระองค์ไม่ใช่แม็คกิลผู้ที่โชคชะตากำหนดมา และเป็นผู้ที่ถูกเลือก พระองค์ไม่มีสิ่งใดเลย เป็นเพียงเจ้าชายอีกองค์หนึ่งที่ช่วงชิงบัลลังก์มาได้
ราชากาเร็ธทรงรุ่มร้อนด้วยความอับอาย พระองค์ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวเท่าช่วงเวลานี้ ทุกสิ่งที่ทรงคิดไว้นับตั้งแต่ทรงพระเยาว์เป็นเรื่องโกหก เป็นภาพหลอน พระองค์ทรงเชื่อในนิทานหลอกเด็กของพระองค์เอง
และมันทำให้พระองค์ต้องขายหน้า
บทที่ หก
ราชากาเร็ธทรงพระดำเนินไปมาอยู่ในห้องบรรทมด้วยความว้าวุ่น พระองค์ยังทรงตกพระทัยกับความล้มเหลวในการยกดาบ ทรงพยายามที่จะประมวลผลที่เกิดขึ้น ราชากาเร็ธทรงคิดอะไรไม่ออก พระองค์แทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองช่างเขลาที่พยายามจะยกดาบประจำราชวงศ์เล่มนั้น ซึ่งไม่เคยมีแม็คกิลคนใดยกได้มาเจ็ดชั่วอายุแล้ว ทำไมพระองค์จึงคิดว่าทรงมีดีกว่าบรรพบุรุษ? ทำไมพระองค์จึงทรงคิดว่าตัวเองน่าจะแตกต่าง?
พระองค์น่าจะทรงรู้ดี น่าจะทรงระวัง ไม่ควรจะประเมินพระองค์เองสูงเกินไปเลย น่าจะทรงพอใจกับราชบัลลังก์ของพระบิดา ทำไมพระองค์จึงต้องพยายามทำด้วย?
ตอนนี้บรรดาพสกนิกรต่างรู้ว่าพระองค์ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ตอนนี้เรื่องนี้คงจะทำให้การครองราชย์ของพระองค์ต้องสั่นคลอน บางทีพวกนั้นอาจจะมีเหตุผลให้สงสัยพระองค์เกี่ยวกับการสวรรคตของพระบิดา พระองค์ทรงเห็นว่าทุกคนมองพระองค์อย่างแตกต่างไป เหมือนกับพระองค์ทรงเป็นผีดิบ เหมือนกับทุกคนเตรียมตัวรอราชาองค์ต่อไปกันแล้ว
ที่ร้ายไปกว่านั้นราชากาเร็ธทรงไม่แน่พระทัยในตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต ตลอดพระชนม์ชีพพระองค์ทรงมองเห็นชะตาของพระองค์อย่างชัดเจน ทรงมั่นใจว่าพระองค์ถูกกำหนดมาให้แทนที่พระบิดา เพื่อครองราชย์และยกดาบขึ้นมาได้ ความมั่นใจของพระองค์สั่นคลอนอย่างที่สุด ตอนนี้พระองค์ไม่แน่พระทัยในทุกสิ่ง
และที่แย่ที่สุดคือพระองค์ไม่สามารถหยุดการมองเห็นภาพพระพักตร์ของพระบิดา ที่ทรงเห็นก่อนจะยกดาบ นี่คือการแก้แค้นของพระบิดาอย่างนั้นหรือ?
“ไชโย” มีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้นช้า ๆ
ราชากาเร็ธทรงหันไปอย่างตกพระทัยที่มีคนอื่นอยู่ในห้องนี้ด้วย พระองค์ทรงจำเสียงนี้ได้ทันที เป็นเสียงที่ทรงคุ้นเคยมากมาหลายปี เป็นเสียงที่พระองค์ทรงดูแคลน มันคือเสียงของพระชายา
เฮเลนา
นางยืนอยู่ที่มุมห้องอีกฟาก มองดูพระองค์พลางสูบกล้องยาฝิ่น นางหายใจเข้าลึกแล้วกลั้นไว้ จากนั้นจึงค่อยผ่อนออกช้า ๆ ดวงตานางแดงก่ำ ซึ่งพระองค์ทรงรู้ว่านางสูบฝิ่นมานานเกินไป
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ราชาตรัสถาม
“นี่มันก็ห้องหอของข้าเหมือนกัน” นางตอบ “ข้าอยากจะทำอะไรที่นี่ก็ได้ ข้าเป็นชายาท่านและเป็นราชินีของท่าน อย่าลืมสิ ข้าปกครองอาณาจักรนี้เท่ากับท่าน แต่หลังจากความล้มเหลวของท่านในวันนี้แล้ว ข้าคงจะใช้คำว่าปกครองได้ไม่เต็มปากนักหรอก”
ราชากาเร็ธพระพักตร์ร้อน เฮเลนามักจะมีวิธีโจมตีพระองค์ด้วยวิธีนอกกติกาที่สุดเสมอ ในจังหวะที่ไม่เหมาะสมที่สุดด้วย พระองค์ทรงดูแคลนนางยิ่งกว่าสตรีใดในชีวิต แทบไม่อยากเชื่อว่าทรงตอบตกลงแต่งงานกับนาง
“อย่างนั้นหรือ?” ราชากาเร็ธตะคอก ทรงหันหลังแล้วเสด็จไปหานางด้วยความกริ้ว “เจ้าลืมรึว่าข้าเป็นราชา นางโสเภณี ข้าสั่งขังเจ้าได้ เหมือนกับคนอื่น ๆ ในอาณาจักรของข้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นชายาของข้าหรือไม่ก็ตาม”
นางหัวเราะ พ่นลมหายใจทางจมูกอย่างเย้ยหยัน
“แล้วอย่างไรต่อเล่า?” นางกระชากเสียงถาม “ประชาชนของท่านสงสัยเรื่องรสนิยมทางเพศของท่านบ้างไหม? ไม่สิ ข้าล่ะสงสัยเรื่องนี้จริง คงไม่มีอยู่ในโลกแห่งแผนการของกาเร็ธสินะ คงไม่อยู่ในความคิดของชายผู้ที่กังวลมากกว่าใคร ว่าคนอื่นจะมองตัวเองอย่างไร”
ราชากาเร็ธประทับนิ่งตรงหน้านาง ทรงรู้ว่านางมีวิธีมองพระองค์ได้ทะลุปรุโปร่ง ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ทรงหงุดหงิดไปถึงแก่น ทรงเข้าใจคำขู่ของนางและรู้ว่าการโต้เถียงด้วยจะไม่มีผลดี ดังนั้นจึงทรงประทับนิ่งอยู่เช่นนั้นอย่างเงียบ ๆ และรอคอย ทั้งที่ทรงกำหมัดแน่น
“เจ้าต้องการอะไร?” ราชากาเร็ธตรัสถามช้า ๆ พยายามควบคุมพระองค์เองจากความหุนหันพลันแล่น “เจ้าคงไม่มาหาข้าหรอก หากเจ้าไม่ต้องการอะไร”
นางหัวเราะแห้ง ๆ เป็นหัวเราะที่เสแสร้ง
“ถ้าข้าอยากได้อะไรข้าก็จะเอา ข้าไม่จำเป็นต้องมาขออะไรจากท่านหรอก แต่ข้าอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับท่าน ทั้งอาณาจักรของท่านเพิ่งได้เป็นสักขีพยานความล้มเหลวในการยกดาบของท่าน เรามาถึงไหนกันแล้วล่ะ?”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ที่ว่าเรา?” ราชาตรัสถาม พลางสงสัยว่านางจะมาไม้ไหนเรื่องนี้
“ตอนนี้ประชาชนของท่านก็ได้รู้ในสิ่งที่ข้ารู้มานานแล้ว ว่าท่านผู้ล้มเหลว ท่านไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ขอแสดงความยินดีด้วย อย่างน้อยก็ได้รู้กันอย่างเป็นทางการแล้ว”
ราชากาเร็ธพระพักตร์บึ้งตึง
“พระบิดาก็ทรงยกดาบไม่สำเร็จ นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการปกครองที่มีประสิทธิภาพในฐานะราชา”
“แต่มันมีผลกับการเป็นราชาของพระองค์” นางสะบัดเสียงตอบ “ทุกช่วงเวลาของการเป็นราชา”
“ถ้าเจ้าไม่มีความสุขกับการไร้ความสามารถของข้านัก” ราชากาเร็ธทรงกริ้ว “ทำไมเจ้าไม่ไปจากที่นี่เสียล่ะ? ทิ้งข้าไปสิ ทิ้งการแต่งงานจอมปลอมของเราเสีย ตอนนี้ข้าเป็นราชาแล้ว ข้าไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
“ข้าดีใจที่ท่านพูดเรื่องนี้ขึ้นมา” นางบอก “เพราะนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ข้ามาที่นี่ ข้าอยากให้ท่านยุติการแต่งงานของเราอย่างเป็นทางการ ข้าต้องการหย่า มีชายคนหนึ่งที่ข้ารัก ชายที่แท้จริง ที่จริงเขาเป็นอัศวินคนหนึ่งของท่าน เขาเป็นนักรบ เรารักกัน เป็นรักแท้ ไม่เหมือนความรักที่ข้าเคยมี หย่ากับข้าเสีย ข้าจะได้ยุติความสัมพันธ์ลับ ๆ นี้ ข้าอยากให้ความรักของเราเปิดเผย และข้าอยากจะแต่งงานกับเขา”
ราชากาเร็ธทรงจ้องมองนางอย่างตกตะลึง รู้สึกใจหายราวกับถูกแทงด้วยมีดสั้นเข้าที่พระอุระ ทำไมเฮเลนาถึงต้องการเปิดเผย? ทำไมต้องเป็นตอนนี้ จากเวลาไหนก็ได้? มันมากเกินไปสำหรับพระองค์ ทรงรู้สึกเหมือนโลกกำลังซ้ำเติมตอนที่พระองค์ล้ม
ราชากาเร็ธเองก็ทรงประหลาดพระทัยที่รู้ว่าพระองค์มีความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างกับเฮเลนา เพราะเมื่อทรงได้ยินคำพูดของนางที่ขอหย่า มันทำให้พระองค์รู้สึกบางอย่าง และทำให้ไม่พอพระทัย มันทำให้พระองค์ทรงรู้ว่าไม่ต้องการหย่าขาดจากนาง หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์เองนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากเป็นความต้องการของนางนั่นจึงเป็นอีกเรื่อง พระองค์ไม่ต้องการให้นางมีทางของตัวเอง มันไม่ง่ายเช่นนั้น
ที่สำคัญที่สุดราชากาเร็ธทรงสงสัยว่าการหย่าจะมีผลต่อความเป็นราชาของพระองค์อย่างไร ราชาที่ทรงหย่าคงจะทำให้เกิดคำถามมากมาย และพระองค์ทรงพบว่ารู้สึกหึงหวงอัศวินคนนี้ และไม่พอใจที่นางโยนการขาดความเป็นชายของพระองค์ใส่พระพักตร์ พระองค์ต้องการแก้แค้นคนทั้งคู่
“เจ้าจะไม่ได้อย่างที่ต้องการหรอก” ราชาตวาด “เจ้าผูกมัดอยู่กับข้า ต้องติดอยู่กับข้าในฐานะภรรยา ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระ และหากข้าได้เจอตัวอัศวินที่เจ้าลอบเป็นชู้ด้วย ข้าจะจับมันทรมานและประหารเสีย”
เฮเลนาร้องขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
“ข้าไม่ใช่ภรรยาของท่าน! ท่านไม่ใช่สามีของข้า ท่านไม่ใช่ผู้ชาย การแต่งงานของเรามันไม่ศักดิ์สิทธิ์ นับตั้งแต่วันที่มันถูกกุขึ้นมา เป็นแค่การร่วมมือกันที่จัดขึ้นเพื่ออำนาจ เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ข้าขยะแขยงมาตลอด และมันทำลายโอกาสเดียวของข้าที่จะได้แต่งงานอย่างแท้จริง”
นางหอบหายใจ เมื่อโทสะพลุ่งพล่านขึ้น