นายทหารโดดลงมายืนบนถนนดิน เดือยรองเท้าส่งเสียงกรุ้งกริ้งเมื่อเขาเดินไปยังเด็กหนุ่มที่เข้าแถวเรียงกันอยู่
ทั่วทั้งหมู่บ้านมีเด็กหนุ่มยืนเข้าแถวด้วยความหวังหลายสิบคน การได้เข้าร่วมกองรบเงินหมายถึงชีวิตที่มีเกียรติ การต่อสู้ ชื่อเสียง และความรุ่งโรจน์ ที่มาพร้อมกับที่ดิน ตำแหน่ง และความร่ำรวย แล้วยังหมายถึงเจ้าสาวที่ดีที่สุด ที่ดินผืนงามที่สุด และชีวิตที่รุ่งโรจน์ มันยังนำมาซึ่งเกียรติยศแก่ครอบครัว ซึ่งการได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชนนั้นคือบันไดขั้นแรก
ธอร์จ้องมองรถม้าสีทองคันใหญ่ รู้ว่ามันบรรทุกทหารเกณฑ์ได้หลายคน อาณาจักรนี้ใหญ่โต มีหลายเมืองที่พวกเขาต้องไปแวะ ธอร์กลืนน้ำลาย รู้ว่าโอกาสของเขายิ่งห่างไกลกว่าที่เขาคิดไว้ เขาต้องเอาชนะพวกเด็กหนุ่มเหล่านี้ ซึ่งหลายคนเป็นเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ไหนจะพี่ชายสามคนของเขาอีก ธอร์รู้สึกห่อเหี่ยว
เขาแทบจะหยุดหายใจ เมื่อทหารนายนั้นเดินมาเงียบ ๆ สำรวจแถวเด็กหนุ่มที่ยืนด้วยความหวัง เขาเริ่มต้นที่หัวแถวด้านไกลออกไป แล้วค่อย ๆ เดินวนดู แน่นอนว่าธอร์รู้จักเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ และรู้ด้วยว่าบางคนแอบไม่อยากถูกเลือก แม้ครอบครัวจะอยากส่งพวกเขาไป พวกเขาหวาดกลัว คงจะเป็นทหารที่ไม่ได้เรื่อง
ธอร์ร้อนผ่าวด้วยความอดสู เขารู้สึกว่าเขาสมควรได้รับเลือกมากเท่ากับเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ การที่พวกพี่ชายของเขาโตกว่า ตัวใหญ่และแข็งแรงกว่า ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีสิทธิ์ยืนเข้าแถวและถูกเลือก ธอร์ร้อนรุ่มด้วยความชังบิดา มันแทบจะปะทุออกมาทางผิวหนังของเขาเมื่อทหารนายนั้นเดินใกล้เข้ามา
นายทหารหยุดเดินเป็นครั้งแรก ตรงหน้าพี่ชายของธอร์ เขามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า และดูท่าว่าจะประทับใจ เขายื่นมือออกมา คว้าดาบของพวกเขาคนหนึ่งไป แล้วกระชากออกจากฝัก เหมือนจะทดสอบความแข็งแรงของมัน
นายทหารยิ้มออกมา
“เจ้าไม่เคยใช้ดาบสู้รบมาก่อนเลย ใช่ไหม?” เขาถามเดรค
ธอร์เห็นเดรคกังวลเป็นครั้งแรกในชีวิต เขากลืนน้ำลาย
“ไม่ครับ ใต้เท้า แต่ข้าใช้มันบ่อยครั้งในการฝึกซ้อม และข้าหวังว่า...”
“การฝึกซ้อม!”
นายทหารหัวเราะลั่น แล้วหันไปหาทหารนายอื่น ๆ ที่ร่วมประสานเสียงหัวเราะ ใส่หน้าเดรค
เดรคหน้าแดงก่ำ เป็นครั้งแรกที่ธอร์เห็นเขาอาย ปกติแล้วเดรคต่างหาก เป็นฝ่ายทำให้คนอื่นอับอาย
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะบอกให้ศัตรูของเราเกรงกลัวเจ้า คนที่ใช้ดาบในการฝึกซ้อม!”
กองทหารหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
นายทหารหันไปหาพี่ชายคนอื่น ๆ ของธอร์
“เด็กหนุ่มสามคนจากคอกเดียวกัน” เขากล่าว เอามือถูคางรกเครา “ดูท่าจะมีประโยชน์ พวกเจ้าล่ำสันดี คงไม่ต้องทดสอบ เจ้ายังต้องฝึกอีกมากหากอยากจะฟันใครเป็น”
เขาหยุด
“ข้าคิดว่าเราคงหาที่ให้พวกเจ้าได้”
เขาพยักหน้าไปทางรถม้าด้านหลัง
“ขึ้นไป เร็วด้วยล่ะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”
พี่ชายสามคนของธอร์รีบวิ่งไปที่รถม้า หน้าบาน ธอร์เห็นว่าบิดาของเขาก็หน้าบานด้วยเหมือนกัน
แต่ธอร์คอตกตอนที่เฝ้ามองพวกพี่ชายวิ่งไป
นายทหารหันกลับมาแล้วเดินต่อไปยังบ้านหลังถัดไป ธอร์ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“ใต้เท้า” ธอร์ตะโกนออกมา
บิดาของเขาหันกลับมาจ้อง แต่ธอร์ไม่สนใจอีกต่อไป
นายทหารหยุด หันหลังให้ธอร์ ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมา
ธอร์ก้าวไปอีกสองก้าว หัวใจเต้นรัว เขายืดอกมากเท่าที่จะทำได้
“ท่านยังไม่ได้พิจารณาข้าเลย ใต้เท้า” เขาบอก
นายทหารสะดุ้ง มองธอร์หัวจรดเท้าราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก
“ยังอย่างนั้นเหรอ?” เขาถาม แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ทหารของเขาก็หัวเราะด้วย แต่ธอร์ไม่สนใจ ตอนนี้เป็นจังหวะของเขา ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว
“ข้าอยากเข้าร่วมกองทหาร” ธอร์บอก
นายทหารก้าวมาหาธอร์
“ตอนนี้น่ะหรือ?”
เขาดูขบขัน
“นี่เจ้าอายุครบสิบสี่ปีแล้วหรือยัง?”
“ข้าครบสิบสี่ปีแล้ว ใต้เท้า เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว”
“สองอาทิตย์ที่แล้ว!”
นายทหารระเบิดหัวเราะ เช่นเดียวกับทหารข้างหลังเขา
“ถ้าอย่างนั้น ศัตรูของเราคงจะต้องกลัวตัวสั่นแน่ ๆ ตอนเห็นเจ้า”
ธอร์รู้สึกร้อนผ่าวด้วยความอับอาย เขาต้องทำบางอย่าง เขาจะปล่อยให้จบแบบนี้ไม่ได้ นายทหารหันหลังจะเดินจากไป แต่ธอร์ยอมไม่ได้
เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วตะโกน “ใต้เท้า ท่านกำลังทำผิดพลาด!”
เกิดความเงียบจนน่าหวาดหวั่นในหมู่คน เมื่อนายทหารหยุดและค่อย ๆ หันกลับมาอีกครั้ง
ตอนนี้ใบหน้าเขาบึ้งตึง
“เจ้าเด็กโง่” บิดาเขากล่าว คว้าไหล่ธอร์ “กลับเข้าไปข้างใน”
“ข้าไม่ไป!” ธอร์ตะโกน สะบัดตัวจากการเกาะกุมของบิดา
นายทหารก้าวมาหาธอร์ ขณะที่บิดาของเขาถอยหลบ
“เจ้ารู้โทษของการดูหมิ่นกองรบเงินหรือไม่?” นายทหารตะคอกถาม
ธอร์ใจเต้น แต่เขารู้ว่าเขาถอยไม่ได้
“โปรดอภัยให้เขาด้วย ใต้เท้า” บิดากล่าว “เขายังเด็กและ...”
“ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า” นายทหารกล่าว สายตาดุดันของเขาทำให้บิดาของธอร์ต้องหันหน้าหนี
นายทหารหันมาหาธอร์
“ตอบข้ามา!” เขาบอก
ธอร์กลืนน้ำลาย พูดไม่ออก นี่ไม่เหมือนที่เขาคิดภาพไว้ในหัว
“การดูหมิ่นกองรบเงินก็เท่ากับดูหมิ่นพระราชา” ธอร์บอกอย่างนอบน้อม พูดสิ่งที่เขาจำได้
“ใช่” นายทหารตอบ “ซึ่งหมายความว่าข้าสามารถสั่งเฆี่ยนเจ้าสี่สิบครั้งได้ ถ้าข้าอยากทำ”
“ข้าหมายความว่าไม่ได้ดูหมิ่นครับ ใต้เท้า” ธอร์บอก “ข้าเพียงต้องการถูกเลือก ได้โปรด ข้าฝันถึงเรื่องนี้มาตลอดชีวิต โปรดให้ข้าได้เข้าร่วมกับกองทหารของท่าน”
นายทหารมองดูเขา สีหน้าค่อยคลายลงช้า ๆ อึดใจหนึ่งเขาจึงส่ายศีรษะ
“เจ้ายังเด็ก เจ้าหนู เจ้ามีหัวใจที่กล้าหาญ แต่เจ้ายังไม่พร้อม กลับมาหาเราเมื่อเจ้าโตกว่านี้”
จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไป แทบจะไม่มองเด็กหนุ่มคนอื่น แล้วกระโจนขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว
ธอร์คอตก มองดูขบวนทหารเคลื่อนพล พวกเขาจากไปรวดเร็วเหมือนเช่นตอนมา
สิ่งสุดท้ายที่ธอร์เห็นคือพี่ชายของเขา นั่งอยู่ด้านหลังรถม้าคันท้ายสุด มองมาที่เขา ทำหน้าเบ้และเยาะเย้ย พวกเขากำลังถูกพาไปไกลจากสายตาของธอร์ ไปจากที่นี่ ไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ภายในใจธอร์รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
เมื่อความตื่นเต้นรอบตัวเขาจางลง ชาวบ้านเดินหลบกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง
“เจ้ารู้ไหมว่าทำตัวโง่แค่ไหน เจ้าเด็กโง่?” บิดาตวาด คว้าไหล่เขา “รู้ตัวไหมว่าเจ้าอาจจะทำลายโอกาสของพี่ ๆ เจ้า?”
ธอร์ปัดมือบิดาอย่างหยาบคาย บิดาเอนถอยไปแล้วใช้หลังมือตบหน้าเขา
ธอร์รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขาจ้องมองบิดา เป็นครั้งแรกที่ส่วนหนึ่งในตัวเขาอยากจะตอบโต้ แต่เขาก็ระงับตัวเองไว้
“ไปตามแกะของข้า แล้วพาพวกมันกลับมา เดี๋ยวนี้! ตอนที่เจ้ากลับมา อย่าหวังว่าจะมีอาหารให้กิน เจ้าไม่ต้องกินอะไรคืนนี้ แล้วก็คิดถึงสิ่งที่เจ้าทำลงไปด้วย”
“บางทีข้าไม่ควรจะกลับมาเลย!” ธอร์ตะโกน แล้วหันหลังวิ่งจากไป ไปไกลจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังเนินเขา
“ธอร์!” บิดาของเขาตะโกน ชาวบ้านสองสามคนที่ยังอยู่บนถนน หยุดแล้วหันมามอง
เด็กหนุ่มวิ่งช้า ๆ ก่อนจะเร็วขึ้น อยากจะไปให้ไกลจากที่นี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังร้องไห้ น้ำตาไหลนองใบหน้า เมื่อทุกความฝันสลายไป
บทที่ 2
ธอร์เดินเรื่อยเปื่อยไปตามเนินเขาอยู่หลายชั่วโมงด้วยความเดือดดาล จนกระทั่งในที่สุดเขาก็หยุดนั่งพักที่เนินเขาลูกหนึ่ง ธอร์นั่งกอดเข่ามองไปยังขอบฟ้า เขาเฝ้ามองขบวนรถม้าหายลับไป มองดูฝุ่นที่ยังฟุ้งอยู่อีกหลายชั่วโมงหลังจากนั้น
คงจะไม่มีการมาคัดเลือกอีกแล้ว ตอนนี้ชะตาของเขาถูกกำหนดให้อยู่ที่นี่ ในหมู่บ้านนี้ไปอีกหลายปี รอคอยโอกาสต่อไป ถ้าพวกทหารจะกลับมาอีก ถ้าเพียงแต่บิดาของเขายอมอนุญาต ตอนนี้ก็เหลือแค่เขาและบิดาเพียงลำพังในบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าบิดาจะต้องระเบิดโทสะใส่เขาอย่างเต็มที่ เขาคงต้องเป็นคนรับใช้ให้บิดาต่อไป และเมื่อวันเวลาผ่านไป ธอร์ก็คงจะลงเอยเหมือนบิดา ติดแหงกอยู่ในเมืองเล็ก ๆ มีชีวิตที่ต่ำต้อย ขณะที่พี่ชายมีชีวิตที่รุ่งโรจน์และมีชื่อเสียง เส้นเลือดของธอร์ร้อนผ่าวด้วยความอดสู นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องการ เขารู้ดี
เด็กหนุ่มพยายามคิดหาสิ่งที่เขาจะทำได้ ทางไหนก็ได้ที่เขาจะเปลี่ยนแปลงมัน แต่ก็คิดไม่ออก นี่คงเป็นชีวิตในแบบที่เขาถูกกำหนดมา
หลังจากนั่งอยู่หลายชั่วโมง ธอร์ก็ลุกขึ้นอย่างเศร้าสร้อย แล้วเริ่มเดินกลับไปตามเนินเขาที่คุ้นเคย สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เขาเดินกลับไปหาฝูงสัตว์บนเนินสูงอย่างไม่มีทางเลือก ขณะที่ปีนป่าย อาทิตย์ดวงแรกเริ่มคล้อยลง และดวงที่สองเคลื่อนสู่จุดสูงสุด แผ่รัศมีสีเขียวจาง ๆ ธอร์เดินช้า ๆ ไม่เร่งรีบ หยิบหนังสติ๊กที่เหน็บเอวไว้มาอย่างใจลอย แผ่นหนังเปื่อยจากการใช้งานมานานปี เขาล้วงเข้าไปในถุงที่ผูกอยู่ที่สะโพก แตะลูกหินที่ไปเลือกหามาจากลำธารที่ดีที่สุด แต่ละก้อนเกลี้ยงเกลากว่าก้อนถัดไป บางทีเขาก็ยิงนก บ้างก็หนู เป็นกิจวัตรที่เขาปฏิบัติมานานปี ตอนแรกเขายิงไม่โดนเลย หลังจากนั้นเขาก็ยิงถูกครั้งหนึ่ง และนับตั้งแต่นั้น เขาก็เล็งได้แม่นยำ ตอนนี้ลูกหินกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว และมันยังช่วยให้เขาได้ระบายโทสะ พวกพี่ชายอาจจะได้เหวี่ยงดาบใส่ท่อนไม้ แต่พวกเขาไม่มีทางยิงนกที่กำลังบินได้ด้วยก้อนหิน
ธอร์หยิบลูกหินใส่หนังสติ๊กอย่างไม่ใส่ใจ ง้างแล้วยิงออกไปสุดแรง สมมุติว่ากำลังยิงไปที่บิดา เขายิงถูกกิ่งของต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป หักสะบั้นลงมา ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าสามารถฆ่าสัตว์ที่กำลังเคลื่อนที่ได้ เขาก็หยุดเล็งไปที่พวกมัน เพราะกลัวพลังของตัวเองและไม่อยากจะทำร้ายสิ่งมีชีวิต ตอนนี้เป้าของเขาคือกิ่งไม้ แต่แน่นอนว่ายกเว้นหมาจิ้งจอกที่มาไล่ฝูงแกะของเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกหมาจิ้งจอกเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ห่าง ผลที่ได้คือฝูงแกะของธอร์ปลอดภัยที่สุดในหมู่บ้าน
ธอร์คิดถึงพวกพี่ชายแล้วก็โมโหอีก พวกเขาจะอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้ หลังจากนั่งรถไปหนึ่งวันก็คงจะไปถึงปราสาทของพระราชา เขาทำได้แต่เพียงนึกจินตนาการ เด็กหนุ่มเห็นภาพพี่ชายได้รับการต้อนรับอย่างเอิกเกริก ผู้คนแต่งกายด้วยชุดที่ดีที่สุดมาต้อนรับ บรรดานักรบจากกองรบเงินกล่าวทักทาย พวกเขาคงจะได้เข้าไปอยู่ในค่ายทหาร สถานที่ฝึกซ้อมในเขตราชสำนัก ได้ใช้อาวุธชั้นยอด แต่ละคนคงได้รับมอบให้ติดตามอัศวินที่มีชื่อเสียง แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็จะได้เป็นอัศวิน มีม้าเป็นของตัวเอง มีตราเครื่องหมายประจำตัว และมีเด็กรับใช้ของตัวเอง พวกเขาคงจะได้เข้าร่วมงานเทศกาลทุกงานและได้ร่วมโต๊ะเสวยกับพระราชา มันช่างเป็นชีวิตที่น่าหลงใหล แล้วมันก็หลุดมือธอร์ไปแล้ว