แน่นอนว่าราชาทรงมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่อาณาจักรของพระองค์เป็นดินแดนเสรี พระบิดาของแม็คกิลทรงภาคภูมิใจที่อนุญาตให้ขุนนางมีสิทธิมีเสียงในทุกเรื่อง ผ่านทางตัวแทนของพวกเขา เป็นการถ่วงดุลย์อำนาจระหว่างราชาและขุนนางที่ไม่ง่ายนักตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในขณะนี้อาจมีความกลมเกลียวกัน แต่ในช่วงเวลาอื่นอาจมีการลุกฮือขึ้นและช่วงชิงอำนาจกันระหว่างขุนนางและราชวงศ์ ซึ่งเป็นการถ่วงดุลย์อำนาจที่ดี
ขณะที่พระองค์สำรวจภายในห้อง ทรงสังเกตว่าที่ปรึกษาหายไปคนหนึ่ง คนที่ทรงอยากหารือด้วยมากที่สุด...อาร์กอน แต่ก็เป็นเรื่องปกติ อาร์กอนจะไปจะมาเมื่อใด ไม่อาจคาดเดาได้ แม้จะทำให้ทรงกริ้วเสมอ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ วิถีของดรูอิดนั้นเป็นเรื่องลึกลับสำหรับพระองค์ เมื่อไม่มีอาร์กอน ราชาแม็คกิลยิ่งรู้สึกรีบเร่งมากขึ้น พระองค์อยากให้เสร็จเรื่องโดยเร็ว เพื่อจะได้ไปทำอีกร้อยพันสิ่งที่รออยู่ก่อนพิธีอภิเษก
คณะที่ปรึกษานั่งล้อมกันรอบโต๊ะครึ่งวงกลม หันเผชิญหน้ากับพระองค์ ห่างกันทุกสิบฟุต แต่ละคนนั่งบนเก้าอี้ไม้โอ๊คโบราณสลักลวดลายอย่างปราณีต
“ฝ่าบาท ข้าขอเป็นผู้เริ่ม” โอเว็นทูล
“เชิญ รวบรัดหน่อยนะ วันนี้เวลาข้ามีจำกัด”
“วันนี้เจ้าหญิงคงจะได้รับของขวัญมากมาย ซึ่งเราทั้งหลายหวังว่ามันจะเต็มพระคลังของพระนาง และราษฎรนับพันที่ต้องการถวายบรรณาการและของขวัญแด่พระองค์ ต่างเข้าพักในโรงแรมและร้านนางโลมจนเต็ม นั่นก็คงจะช่วยเติมทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังหลวง แต่อย่างไรก็ตาม จากการเตรียมงานฉลองต่าง ๆ สำหรับวันนี้ทำให้ทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังพร่องไปจำนวนมากพอดู ข้าขอแนะนำให้ขึ้นภาษีราษฎรและพวกขุนนาง เป็นการเก็บครั้งเดียวเพื่อช่วยบรรเทาภาระจากเหตุสำคัญนี้”
ราชาแม็คกิลทรงเห็นความกังวลบนใบหน้าของเสนาบดีคลัง และทรงใจหายเมื่อคิดถึงเรื่องสมบัติในท้องพระคลังที่พร่องหายไป แต่พระองค์จะไม่เก็บภาษีอีก
“คงจะดีกว่า หากมีทรัพย์สมบัติน้อยแต่มีผู้จงรักภักดี” ราชาแม็คกิลตรัส “ความร่ำรวยของเรามาจากความสุขของราษฎร เราจะไม่เก็บภาษีอีก”
“แต่ฝ่าบาท หากเราไม่...”
“ข้าตัดสินใจแล้ว มีเรื่องอะไรอีก?”
โอเว็นทรุดลงนั่ง หมดหวัง
“ข้าแต่พระองค์” บรอมทูลบอกเสียงต่ำ “ตามที่ทรงมีรับสั่งให้เพิ่มกำลังพลประจำการในพระราชพิธีวันนี้ เป็นการแสดงแสนยานุภาพที่น่าประทับใจ แต่การที่เรากระจายกำลังไปเช่นนี้ หากมีการโจมตีขึ้นในอาณาจักร เราจะอ่อนแอ”
ราชาแม็คกิลพยักหน้า คิดทบทวน
“ศัตรูของเราจะไม่โจมตีตอนที่เราเลี้ยงอาหารพวกเขาหรอก”
คนอื่น ๆ พากันหัวเราะ
“แล้วมีข่าวอะไรจากเขตภูเขาบ้าง?”
“ไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวใด ๆ มาหลายสัปดาห์แล้ว ดูเหมือนกองทัพของพวกนั้นจะถูกดึงไปเตรียมงานพิธีอภิเษกสมรส บางทีพวกนั้นอาจจะพร้อมสงบศึกแล้ว”
ราชาไม่ทรงแน่ใจนัก
“มันอาจจะหมายความว่าการจัดให้มีการแต่งงานนี้ได้ผล หรือพวกมันอาจรอจังหวะโจมตีในโอกาสหน้า ท่านคิดว่าอย่างไร ผู้เฒ่า?” แม็คกิลทรงหันไปตรัสถามอะเบอร์ธอล
อะเบอร์ธอลกระแอม เสียงของเขาแหบพร่า “ฝ่าบาท เสด็จพ่อและเสด็จปู่ของพระองค์ ไม่เคยไว้ใจพวกแม็คคลาวด์ การที่พวกเขากำลังนอนหลับ ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่ตื่น”
แม็คกิลพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดนี้
“แล้วกองทหารยุวชน เป็นอย่างไรบ้าง?” พระองค์ตรัสถามคอล์ค
“วันนี้เราได้ทหารเกณฑ์มาใหม่” คอล์คทูลตอบ พร้อมพยักหน้าเร็ว
“ลูกชายข้าอยู่ด้วยไหม?” ราชาตรัสถาม
“เจ้าชายยืนอย่างภาคภูมิร่วมกับคนอื่น ๆ และทรงเป็นทหารที่ดี”
แม็คกิลพยักหน้า แล้วทรงหันไปหาบราเดห์
“มีข่าวอะไรจากภายนอกหุบเขาบ้าง?”
“ฝ่าบาท หน่วยลาดตระเวนของเราพบว่ามีการพยายามจะข้ามมาหลายครั้งในช่วงไม่นานนี้ อาจจะเป็นสัญญาณว่า พวกคนเถื่อนกำลังระดมกำลังเพื่อโจมตี”
“ถ้าหากมีการโจมตีเต็มกำลังล่ะ?” ราชาตรัสถาม
“ตราบเท่าที่เกราะยังทำงาน เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว พวกคนเถื่อนไม่เคยข้ามหุบเขาได้สำเร็จมาหลายศตวรรษแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะคิดเป็นอย่างอื่น”
ราชาแม็คกิลไม่มั่นใจนัก การโจมตีจากภายนอกนั้นล่วงเลยมานาน พระองค์อดสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไร
“ฝ่าบาท” เฟิร์ธทูลด้วยเสียงขึ้นจมูกของเขา “ข้าจำเป็นต้องทูลว่าวันนี้ราชสำนักจะเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากอาณาจักรแม็คคลาวด์ คงจะเป็นการดูหมิ่นหากพระองค์ไม่ทรงให้การต้อนรับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นคู่ปรับหรือไม่ ข้าขอแนะนำว่าฝ่าบาทควรจะใช้เวลาบ่ายนี้เพื่อทักทายพวกเขา นอกจากนี้ยังมีคณะผู้ติดตามกลุ่มใหญ่ ของขวัญจำนวนมาก และตามข่าวว่ามีสายลับจำนวนมากด้วย”
“ใครจะบอกได้ว่าสายลับไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วหรอกหรือ?” แม็คกิลตรัสถาม พลางมองเฟิร์ธอย่างพิจารณา และสงสัยเหมือนเช่นเคยว่าสายลับอาจจะเป็นเขาเอง
เฟิร์ธอ้าปากจะตอบ แต่ราชาแม็คกิลถอนหายใจพลางยกหัตถ์ขึ้น จบการสนทนา “ถ้ามีเรื่องเพียงเท่านี้ งั้นข้าจะไปล่ะ ต้องไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวข้า”
“ฝ่าบาท” เคลวินทูล กระแอมกระไอ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ตามจารีตประเพณี ในวันอภิเษกสมรสของบุตรองค์โตของพระองค์ กษัตริย์แม็คกิลทุกพระองค์จะต้องแต่งตั้งผู้สืบราชบัลลังก์ ราษฎรคงคาดหวังว่าพระองค์ก็จะทำเช่นเดียวกัน พวกเขาเริ่มซุบซิบกันแล้ว คงจะไม่เป็นการดีหากจะทำให้พวกเขาผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อดาบโชคชะตายังคงไม่ขยับ”
“เจ้าจะให้ข้าแต่งตั้งรัชทายาททั้งที่ข้ายังครองราชย์อยู่อย่างนั้นหรือ?” ราชาตรัสถาม
“ฝ่าบาท ข้ามิได้มีเจตนาจะทำให้ทรงขุ่นเคือง” เคลวินละล่ำละลัก เป็นกังวล
ราชายกหัตถ์ขึ้น “ข้ารู้ประเพณีดี และที่จริงวันนี้ข้าจะเลือกทายาทคนหนึ่ง”
“ทรงบอกพวกเราได้หรือไม่ว่าเป็นใคร?” เฟิร์ธทูลถาม
ราชาแม็คกิลทอดพระเนตรมองเขาอย่างรำคาญ เฟิร์ธเป็นพวกช่างนินทา และพระองค์ไม่ไว้ใจชายผู้นี้
“เจ้าจะรู้ข่าวเองเมื่อเวลาเหมาะสม”
พระราชาประทับยืนขึ้น ทุกคนลุกตาม พวกเขาโค้งคำนับ แล้วหันหลังรีบออกจากท้องพระโรงไป
ราชาแม็คกิลยังคงประทับนิ่ง ครุ่นคิดไม่รู้ว่านานเท่าไร ในวันเช่นวันนี้พระองค์นึกหวัง ไม่อยากเป็นพระราชา
*
พระราชาเสด็จลงจากบัลลังก์ ฉลองพระบาทดังสะท้อนในความเงียบ ขณะเสด็จไปตามท้องพระโรง ทรงเปิดประตูไม้โอ๊คโบราณด้วยพระองค์เอง ทรงดึงที่จับประตูทำจากเหล็ก แล้วเสด็จเข้าไปในห้องด้านข้าง
พระองค์ทรงสำราญกับความสงบและสันโดษของห้องแสนสบายนี้เหมือนเช่นเคย ผนังห้องกว้างด้านละไม่ถึงยี่สิบก้าว แต่มีเพดานโค้งสูง ทั้งห้องทำด้วยหิน มีหน้าต่างกลมประดับกระจกสีเล็ก ๆ หนึ่งบานบนผนังด้านหนึ่ง แสงส่องผ่านกระจกสีเหลืองและแดง ส่องต้องวัตถุเพียงสิ่งเดียวในห้องโล่ง ๆ นี้
ดาบโชคชะตา
มันถูกวางอยู่กลางห้อง ทอดตัวอยู่บนแท่นรอง ยั่วยวนเหมือนหญิงงาม ราชาแม็คกิลเสด็จเข้าไปใกล้ วนดู และสำรวจดาบเล่มนี้เหมือนที่เคยทำเมื่อทรงพระเยาว์ ดาบโชคชะตา เป็นดาบในตำนาน เป็นขุมพลังและอำนาจของทั้งอาณาจักร ตกทอดจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง ใครก็ตามที่มีพละกำลังยกมันขึ้นได้จะเป็นผู้ที่ถูกเลือก ผู้ที่ถูกกำหนดให้ปกครองอาณาจักรไปตลอดชีวิต ช่วยปลดปล่อยอาณาจักรจากภยันตรายทั้งปวง ทั้งภายในและภายนอกวงแหวน แม็คกิลทรงเติบโตมากับตำนานอันงดงามนี้ และทันทีที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ จึงได้ทรงลองยกดาบนี้ เนื่องจากมีเพียงกษัตริย์ราชวงศ์แม็คกิลเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ลองยก พระราชาทุกพระองค์ก่อนหน้าทรงทำไม่สำเร็จ แม็คกิลมั่นใจว่าพระองค์จะแตกต่าง มั่นใจว่าพระองค์คือผู้ถูกเลือก
แต่ก็มิได้เป็นเช่นนั้น ความล้มเหลวของพระองค์เป็นรอยด่างในความเป็นกษัตริย์ของพระองค์นับตั้งแต่นั้น เช่นเดียวกับพระราชาทุกพระองค์ก่อนหน้านี้
ตอนนี้ราชาแม็คกิลกำลังทอดพระเนตรดาบโชคชะตา ทรงสำรวจคมดาบยาวที่สร้างขึ้นจากวัตถุที่เป็นปริศนา ซึ่งไม่เคยมีใครรู้จัก ต้นกำเนิดของดาบเล่มนี้ยิ่งคลุมเครือ มีข่าวลือว่ามันผุดขึ้นมาจากพื้นดินขณะเกิดแผ่นดินไหว
เมื่อมองดูมันอีก ก็ทรงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากความล้มเหลวขึ้นอีกครั้ง แม้จะทรงเป็นราชาที่ดี แต่ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ราษฎรรู้เรื่องนี้ดี ศัตรูของพระองค์ก็รู้ ถึงจะเป็นพระราชาที่ดี แต่ไม่ว่าจะทรงทำสิ่งใด พระองค์ก็ไม่มีทางเป็นผู้ที่ถูกเลือกได้
หากพระองค์สามารถยกดาบขึ้นได้ ทรงคิดว่าความไม่สงบในราชสำนัก การสมคบคิดกันคงจะมีน้อยลง ราษฎรก็จะเชื่อมั่นในพระองค์มากขึ้น ศัตรูก็จะไม่กล้าคิดรุกราน ส่วนหนึ่งของพระองค์อยากให้ดาบเล่มนี้หายไปพร้อมกับตำนานของมัน แต่ทรงรู้ดีว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น มันเป็นคำสาป และอำนาจของตำนาน แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ากองทัพ
ขณะที่ทรงทอดพระเนตรดูมันเป็นครั้งที่พัน ราชาแม็คกิลอดสงสัยขึ้นมาอีกไม่ได้ ว่าใครจะเป็นผู้ถูกเลือก สายเลือดของพระองค์คนใดถูกกำหนดให้ยกมันขึ้นได้? ขณะคิดถึงดาบที่วางอยู่ตรงหน้า และการเลือก
รัชทายาท ทรงสงสัยว่าจะบุตรคนใดจะถูกกำหนดให้ยกดาบขึ้นได้
“น้ำหนักของดาบนั้นมหาศาล” มีเสียงดังขึ้น
ราชาแม็คกิลหมุนตัว ทรงประหลาดใจที่มีคนอื่นอยู่ในห้องเล็กนี้ด้วย
พบอาร์กอนยืนอยู่ตรงช่องประตู แม็คกิลทรงจำเสียงของเขาได้ก่อนที่จะเห็นตัวเสียอีก ทั้งหงุดหงิดที่เขาไม่มาเฝ้าก่อนหน้านี้และทั้งยินดีที่เขามาในตอนนี้
“ท่านมาสาย” แม็คกิลตรัส
“การรับรู้เรื่องเวลาของพระองค์ใช้กับข้าไม่ได้” อาร์กอนทูลตอบ
ราชาแม็คกิลหันกลับไปที่ดาบ
“ท่านเคยคิดไหมว่าข้าจะสามารถยกมันขึ้นได้?” ตรัสถามอย่างครุ่นคิด “เมื่อวันที่ข้าขึ้นครองราชย์”
“ไม่” อาร์กอนทูลตอบเสียงเรียบ
แม็คกิลหันกลับมาทอดพระเนตรเขา
“ท่านรู้ว่าข้าจะทำไม่ได้ ท่านเห็นมันใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว”
พระราชาทรงครุ่นคิด
“มันทำให้ข้ากลัวเวลาที่ท่านตอบตรง ๆ นี่ไม่เหมือนเป็นท่านเลย”
อาร์กอนนิ่งเงียบ จนในที่สุดราชาแม็คกิลจึงทรงตระหนักว่าเขาจะไม่กล่าวสิ่งใดอีก
“วันนี้ข้าจะเลือกรัชทายาท” พระราชาตรัส “มันรู้สึกไม่มีประโยชน์เลยที่จะเลือกรัชทายาทในวันนี้ เป็นเรื่องทำลายความสุขของราชาในงานแต่งงานของลูกสาว”
“บางทีความสำราญเช่นนั้นอาจจะต้องลดน้อยลง”