“แต่ข้ายังเหลือเวลาครองราชย์อีกหลายปี” แม็คกิลทรงอ้าง
“อาจจะไม่มากเท่าที่ท่านคิด” อาร์กอนทูลตอบ
ราชาแม็คกิลหรี่พระเนตร นึกสงสัย นี่เป็นข้อความอย่างนั้นหรือ?
แต่อาร์กอนก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มอีก
“ลูกหกคน ข้าควรจะเลือกใคร?” ราชาตรัสถาม
“ทำไมทรงถามข้า? ในเมื่อพระองค์ได้เลือกแล้ว”
แม็คกิลทอดเนตรมองเขา “ท่านเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมาย ถูกต้อง ข้าได้เลือกแล้ว แต่ข้าอยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร”
“ข้าคิดว่าทรงเลือกได้ฉลาด” อาร์กอนทูล “แต่ทรงจำไว้ว่า ราชาไม่สามารถปกครองจากหลุมศพ ไม่ว่าท่านคิดจะเลือกใคร โชคชะตาก็มีทางเลือกของมันเอง”
“ข้าจะมีชีวิตอยู่ไหม อาร์กอน?” แม็คกิลตรัสถามจริงจัง ถามคำถามที่ทรงอยากรู้นับตั้งแต่ตื่นบรรทมจากฝันร้ายน่ากลัวเมื่อกลางดึกคืนก่อน
“เมื่อคืนข้าฝันถึงอีกา” ทรงเล่าเพิ่ม “มันเข้ามาขโมยมงกุฎของข้า แล้วกาอีกตัวก็พาข้าไป ข้ามองเห็นอาณาจักรอยู่เบื้องล่าง มันกลายเป็นสีดำเมื่อข้าผ่านไป กลายเป็นที่ดินแห้งแล้งและรกร้าง”
ทรงเงยหน้ามองอาร์กอน น้ำพระเนตรคลอ
“มันเป็นแค่ความฝัน หรือมีอะไรมากกว่านั้น?”
“ความฝันมักมีอะไรมากกว่านั้นเสมอ มิใช่หรือ?” อาร์กอนทูลถาม
ราชาแม็คกิลทรงห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
“อันตรายอยู่ที่ไหน? บอกข้าอีกหน่อยเถอะ”
อาร์กอนก้าวเข้าไปใกล้ แล้วจ้องมองพระเนตรอย่างจริงจัง พระราชาแม็คกิลทรงรู้สึกราวกับกำลังมองเข้าไปยังอีกโลกหนึ่ง
อาร์กอนก้าวไปข้างหน้า แล้วกระซิบว่า
“มักจะอยู่ใกล้กว่าที่ทรงคิด”
บทที่ 4
ธอร์ซ่อนตัวอยู่ในกองฟางด้านหลังรถม้าที่แล่นกระแทกกระทั้นไปตามถนนชนบท เขาวิ่งมาถึงถนนเมื่อคืนก่อนและรอคอยอย่างอดทนจนกระทั่งรถม้าบรรทุกที่ผ่านมาใหญ่พอที่เขาจะแอบขึ้นไปโดยไม่เป็นที่สังเกต ตอนนั้นมืดแล้ว และรถม้าแล่นช้าพอที่เขาจะวิ่งไล่และกระโดดขึ้นไปด้านหลัง เขาหล่นลงบนกองฟางและมุดแอบอยู่ด้านใน โชคดีที่คนขับไม่เห็นเขา ธอร์ไม่แน่ใจว่ารถม้าคันนี้จะไปที่ปราสาทของพระราชาหรือไม่ แต่มันมุ่งหน้าไปทางนั้น และรถม้าใหญ่ขนาดนี้กับเครื่องหมายต่าง ๆ พวกนี้ คงจะไปอยู่ไม่กี่แห่ง
ระหว่างที่ธอร์เดินทางมาทั้งคืน เขาตื่นอยู่หลายชั่วโมง นอนคิดถึงการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย การได้พบอาร์กอน และคิดถึงโชคชะตาของเขา บ้านหลังเก่าและมารดา เขารู้สึกว่าจักรวาลกำลังตอบรับเขา บอกว่าเขามีชะตากรรมอื่นอีก เขานอนประสานมือหนุนศีรษะ มองท้องฟ้ายามค่ำคืน ผ่านหลังคาผ้าใบรุ่งริ่ง ธอร์มองดูจักรวาลสุกสกาว กลุ่มดาวสีแดงช่างอยู่ห่างไกล เขารู้สึกเบิกบานใจ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เขาได้ออกเดินทาง เขาไม่รู้ว่าไปไหนแต่เขาก็จะไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไปให้ถึงปราสาทของพระราชา
เมื่อธอร์ลืมตาตื่นในตอนเช้า แสงสว่างจ้าพุ่งเข้ามา เขาจึงรู้ตัวว่าเผลอหลับไป เขารีบลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบ ๆ ก่นด่าตัวเองที่หลับไป เขาควรจะระวังมากกว่านี้ เขาโชคดีแล้วที่ไม่โดนจับได้
รถม้ายังคงเคลื่อนที่ แต่ไม่กระเทือนมาก นั่นหมายถึงถนนดีขึ้นแล้ว พวกเขาคงจะอยู่ใกล้เมือง ธอร์มองลงไปและเห็นว่าถนนเรียบ ไม่มีก้อนหิน ไม่มีหลุมบ่อ วางแนวด้วยเปลือกหอยสีขาวสะอาด หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น พวกเขากำลังจะถึงปราสาทของพระราชาแล้ว
ธอร์มองไปด้านหลังของรถม้าแล้วรู้สึกเต็มตื้น บนถนนเรียบสะอาดนี้ มีกิจกรรมมากมาย รถม้าหลายสิบคัน มีทุกแบบทุกขนาดบรรทุกของหลากหลายชนิด แล่นอยู่เต็มถนน คันหนึ่งบรรทุกขนสัตว์ อีกคันบรรทุกพรม มีอีกคันบรรทุกไก่ นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าอีกหลายร้อยคนเดินเท้ามา บางคนจูงฝูงปศุสัตว์ บ้างก็เทินตะกร้าสินค้าบนศีรษะ ชายสี่คนถือมัดผ้าไหม ทรงตัวมาบนไม้ค้ำถ่อ ฝูงชนต่างมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน
ธอร์รู้สึกมีชีวิตชีวา เขาไม่เคยเห็นคนเยอะขนาดนี้ ไม่เคยเห็นสินค้ามากมาย เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น เขาเคยอยู่แต่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ มาตลอดชีวิต แล้วตอนนี้ได้มาอยู่ที่ศูนย์กลาง แวดล้อมด้วยผู้คน
เขาได้ยินเสียงดัง เสียงโซ่กระทบกัน เสียงไม้แผ่นใหญ่กระแทกแรงมากจนพื้นสะเทือน ครู่ต่อมามีเสียงอื่นดังขึ้น เป็นเสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นไม้ ธอร์มองลงไปจึงเห็นว่าพวกเขากำลังข้ามสะพาน เบื้องล่างคือคูน้ำกว้าง นี่คือสะพานยกนั่นเอง
ธอร์ชะโงกออกไปดู เห็นเสาหินขนาดใหญ่ มีประตูเหล็กแหลมอยู่ด้านบน พวกเขากำลังผ่านประตูกษัตริย์
มันเป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็น ธอร์เงยหน้ามองเหล็กแหลม นึกสงสัยว่าหากมันหล่นลงมา พวกเขาคงจะถูกผ่าเป็นสองซีก เขาสังเกตเห็นทหารกองรบเงินสี่นายเฝ้าที่ทางเข้า หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น
พวกเขาผ่านอุโมงค์หินยาว ครู่ต่อมาท้องฟ้าจึงปรากฏอีกครั้ง พวกเขาอยู่ภายในเขตปราสาทของพระราชาแล้ว
ธอร์แทบไม่อยากเชื่อ ภายในนี้ยิ่งวุ่นวายมากกว่าเสียอีก ถ้าจะเป็นไปได้ ดูเหมือนมีผู้คนนับพัน หลั่งไหลมาจากทุกทิศทุกทาง มีสนามหญ้ากว้างเพิ่งตัดใหม่ ดอกไม้บานอยู่ทุกแห่ง ถนนกว้างขึ้น สองข้างทางเป็นซุ้ม แผงขายของ และตึกหิน มีทหารของพระราชาอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ แต่งกายด้วยชุดเกราะ ธอร์ทำสำเร็จแล้ว
ด้วยความตื่นเต้น ธอร์ยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เขาทำเช่นนั้น รถม้าก็หยุดลงทันที ทำให้เขาเซหงายหลัง ลงไปนอนบนกองฟาง ก่อนที่ธอร์จะทันลุกขึ้น เขาได้ยินเสียงไม้เปิดออก มองขึ้นไปเห็นชายชรา ศีรษะล้าน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ ทำหน้าบึ้งตึงโกรธเกรี้ยว คนขับรถม้ายื่นมือเข้ามา คว้าข้อเท้าธอร์ไว้ด้วยมือผอมมีแต่กระดูก แล้วลากเขาออกมา
ธอร์ลอยลงไปนอนกระแทกพื้นดิน เกิดฝุ่นฟุ้งตลบ เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเขา
“ถ้าคราวหน้าเจ้าแอบขึ้นรถข้าอีก เจ้าหนู เจ้าโดนล่ามแน่ ๆ โชคดีแล้วที่ข้าไม่เรียกกองรบเงินมาตอนนี้”
ชายแก่หันหลัง ถ่มน้ำลาย รีบกลับไปขึ้นรถแล้วเฆี่ยนม้าให้ออกวิ่งไป
ธอร์ค่อย ๆ เรียกสติแล้วลุกขึ้นยืนด้วยความอาย เขามองไปรอบ ๆ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาคนหรือสองคนหัวเราะเบา ๆ ธอร์ยิ้มเยาะกลับไปจนพวกนั้นเมินหลบ เขาปัดฝุ่นออกแล้วถูแขนทั้งสองข้าง แม้ความภาคภูมิของเขาจะถูกทำร้าย แต่ไม่ใช่ร่างกายของเขา
กำลังใจของเขาคืนกลับมาขณะที่มองไปรอบ ๆ รู้สึกพิศวงและคิดว่าเขาควรจะมีความสุขที่อย่างน้อยเขาก็มาได้ไกลขนาดนี้แล้ว ตอนนี้เขาได้ออกจากรถม้าและมองดูรอบ ๆ ได้อย่างอิสระ เป็นทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ สนามกว้างสุดลูกหูลูกตา ตรงกลางคือปราสาทหินงดงาม ล้อมรอบด้วยหอคอย กำแพงหินแข็งแรงที่มีเชิงเทินอยู่ด้านบน ทุกแห่งมีทหารของพระราชาเดินลาดตระเวน รอบตัวพวกเขาคือสนามหญ้าสีเขียวที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีเยี่ยม ลานหิน น้ำพุ สวนต้นไม้ นี่คือเมืองกรุง มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามา
ทุกแห่งเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลาย ทั้งพ่อค้า ทหาร คนชั้นสูงที่ต่างดูรีบเร่ง ธอร์ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะเข้าใจว่ามีเหตุการณ์สำคัญกำลังเกิดขึ้น ระหว่างที่เขาเดินไปเรื่อย ๆ ได้เห็นว่ากำลังมีการเตรียมการ วางเก้าอี้และตั้งปะรำพิธี ดูเหมือนพวกเขากำลังเตรียมงานแต่งงาน
หัวใจธอร์เต้นสะดุด สิ่งที่เขาเห็นอยู่ไกล ๆ นั่นคือสนามประลองบนหลังม้าของอัศวิน ทางดินยาวที่มีเชือกกั้นแบ่ง ส่วนอีกสนามเขาเห็นทหารกำลังขว้างหอกใส่เป้าที่อยู่ไกลออกไป สนามอีกด้านมีนักธนูกำลังเล็งไปที่มัดฟาง ดูเหมือนทุกที่มีแต่การละเล่น การแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีดนตรี พิณ ขลุ่ย และฉิ่งฉาบ คณะนักดนตรีเดินเตร่ไปทั่ว เหล้าองุ่นถังใหญ่ถูกกลิ้งออกมา มีการเตรียมจัดโต๊ะและอาหาร บริเวณงานเลี้ยงไกลสุดลูกหูลูกตา เหมือนกับธอร์เข้าไปอยู่ท่ามกลางการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่
ระหว่างที่กำลังสงสัยกับสิ่งรอบตัว ธอร์นึกขึ้นได้ว่าต้องหากองทหารยุวชน เขามาช้าแล้ว และเขาต้องแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จัก
ธอร์รีบไปหาคนแรกที่เขาเห็น เป็นชายแก่ที่ดูจากเสื้อคลุมเปื้อนคราบเลือด น่าจะเป็นคนขายเนื้อ กำลังรีบเดินไปตามถนน ทุกคนที่นี่ดูเร่งรีบ
“ขอโทษครับ ท่าน” ธอร์กล่าว คว้าแขนเขาไว้
ชายแก่ก้มมองดูมือของธอร์อย่างไม่พอใจ
“อะไรกัน เจ้าหนู?”
“ข้ากำลังหากองทหารยุวชนของพระราชา ท่านรู้ไหมว่าพวกเขาฝึกกันที่ไหน?”
“ข้าดูเหมือนแผนที่อย่างนั้นหรือ?” ชายแก่ทำเสียงไม่พอใจ แล้วผละจากไป
ธอร์ผงะกับความหยาบคายนั้น
เขาหันไปหาคนถัดไป เป็นผู้หญิงที่กำลังนวดแป้งอยู่บนโต๊ะยาว มีผู้หญิงหลายคนที่โต๊ะตัวนี้ กำลังทำงานกันคร่ำเคร่ง ธอร์คิดว่าพวกนางคนหนึ่งน่าจะรู้
“ขอโทษครับ แม่หญิง” เขาบอก “ท่านพอจะรู้ไหมว่ากองทหารยุวชนของพระราชาฝึกกันที่ไหน?”
พวกนางมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก บางคนดูแก่กว่าเขาไม่กี่ปี
คนที่ดูอายุมากที่สุดหันมามองเขา
“เจ้ามาหาผิดที่แล้วล่ะ” นางบอก “ที่นี่พวกเรากำลังเตรียมงานฉลอง”
“แต่มีคนบอกข้าว่าพวกเขาฝึกกันในบริเวณปราสาทของพระราชา” ธอร์บอก รู้สึกงุนงง
กลุ่มผู้หญิงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง คนที่โตสุดยกมือเท้าสะโพกแล้วส่ายศีรษะ
“เจ้าทำเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาที่ปราสาท เจ้าไม่รู้รึไงว่ามันใหญ่โตแค่ไหน?”
ธอร์หน้าแดงเมื่อพวกผู้หญิงหัวเราะ จากนั้นจึงผละจากมา เขาไม่ชอบที่ถูกล้อเลียน
เด็กหนุ่มเห็นถนนหลายสิบสายอยู่ตรงหน้า คดโค้งไปมาทั่วเขตปราสาท ตลอดแนวกำแพงมีประตูทางเข้าอย่างน้อยสิบสองแห่ง ขนาดและขอบเขตของที่นี่ช่างไพศาล เขารู้สึกท้อแท้ ถึงหากันหลายวันก็อาจจะไม่เจอ
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ทหารต้องรู้แน่นอนว่าพวกนั้นฝึกกันที่ไหน เขารู้สึกกังวลที่จะต้องไปหาทหารของพระราชา แต่ก็รู้ว่าต้องทำ
ธอร์หันหลัง รีบไปที่กำแพงเมือง ที่มีทหารยืนเฝ้ายามตรงประตูที่อยู่ใกล้ที่สุด หวังว่าจะไม่ถูกโยนออกมา ทหารยามยืนตรง มองตรงไปข้างหน้า
“ข้ากำลังหากองทหารยุวชน” ธอร์บอก พยายามทำเสียงให้กล้าหาญที่สุด
ทหารยังคงมองตรงไปข้างหน้า ไม่สนใจเขา
“ข้าบอกว่าข้ากำลังหากองทหารยุวชน!” ธอร์ยืนกราน เสียงดังขึ้น ตั้งใจให้เขาสนใจ
หลังจากผ่านไปสองสามวินาที ทหารนายนั้นเหลือบมามอง ยิ้มเยาะ
“ท่านบอกข้าได้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน?” ธอร์เซ้าซี้
“แล้วเจ้ามีธุระอะไรกับพวกนั้น?”
“ธุระสำคัญมาก ๆ” ธอร์รีบบอก หวังว่าทหารนายนี้จะไม่ผลักไสเขา
ทหารหันกลับไปมองตรงไปด้านหน้า ไม่สนใจเขาอีกครั้ง ธอร์รู้สึกหมดหวัง กลัวว่าเขาคงจะไม่ได้คำตอบ
แต่หลังจากที่รู้สึกเหมือนนานมาก ทหารก็ตอบเขา “ไปทางประตูตะวันออก จากนั้นมุ่งหน้าไปทางเหนือให้ไกลเท่าที่เจ้าจะไปได้ แล้วใช้ประตูที่สามทางซ้ายมือ แล้วแยกไปทางขวา และขวาอีกที ผ่านประตูหินโค้งอันที่สอง พวกนั้นอยู่หลังประตูนั้นแหละ แต่ข้าขอบอกว่าเจ้าเสียเวลาเปล่า พวกเขาไม่ต้อนรับแขกหรอก”