นับตั้งแต่เขาได้พบนางครั้งแรก อีเร็คก็ไม่สามารถคิดถึงสิ่งอื่นได้อีกแม้เพียงเล็กน้อย เขาสงสัยว่านางเป็นใคร นางดูสูงศักดิ์แต่กลับทำงานเป็นสาวรับใช้ในราชสำนักของท่านดยุค? ทำไมนางจึงรีบหลบเขามา? ทำไมตลอดชีวิตของเขาที่ได้พบกับสตรีสูงศักดิ์มากมาย มีเพียงนางเท่านั้นที่จับหัวใจของเขา?
เขาถูกห้อมล้อมด้วยราชนิกูลมาตลอดชีวิต ทั้งในฐานะที่เป็นโอรสของราชาเอง อีเร็คสามารถบอกได้ทันทีว่าใครเป็นราชนิกูล และเขารู้สึกได้นับตั้งแต่ที่ได้พบนางว่านางสูงศักดิ์กว่าที่เป็นอยู่มากมายนัก เขารุ่มร้อนด้วยความใคร่รู้ว่านางคือใคร มาจากที่ใด และมาทำอะไรที่นี่ เขาอยากจะเห็นนางอีกครั้ง อยากจะรู้ว่าเขาเพียงแต่คิดไปเองหรือว่าเขายังรู้สึกเช่นเดิม
“คนรับใช้ของข้าบอกว่านางอาศัยอยู่ที่ชานเมือง” ท่านดยุคอธิบายให้ฟังขณะที่เดินไป ผู้คนทั้งสองข้างทางต่างเปิดหน้าต่างและมองดูขบวนที่ผ่านมาอย่างประหลาดใจที่ได้เห็นท่านดยุคและผู้ติดตามในย่านถนนธรรมดาเช่นนี้
“รู้กันว่านางเป็นสาวรับใช้ให้กับเจ้าของโรงแรม ไม่มีใครรู้จักเทือกเถาเหล่ากอของนาง ไม่รู้ว่านางมาจากไหน ที่พวกเขารู้กันคือนางมาที่เมืองของเราในวันหนึ่ง และมาทำสัญญาเป็นคนรับใช้ให้กับเจ้าของโรงแรมนี้ อดีตของนางดูจะเป็นปริศนา”
ทั้งหมดเลี้ยวไปยังถนนอีกด้าน ถนนหินกรวดใต้เท้าเริ่มขรุขระมากขึ้น เมื่อพวกเขาเดินไป บ้านเรือนหลังเล็กยิ่งตั้งอยู่ชิดกันและทรุดโทรมมากขึ้น ท่านดยุคกระแอม
“ข้าให้นางมาทำงานรับใช้ในราชสำนักในโอกาสพิเศษต่าง ๆ นางเป็นคนเงียบ ๆ เก็บตัว ไม่มีใครรู้เรื่องนางมากนักหรอก อีเร็ค” ท่านดยุคบอก และหันมาหาอีเร็คในที่สุด พลางจับข้อมือเขาไว้ “ท่านแน่ใจเรื่องนี้หรือ? สตรีนางนี้ ไม่ว่านางจะเป็นใครก็ตาม ก็เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ท่านสามารถเลือกสตรีนางใดก็ได้ในอาณาจักร”
อีเร็คมองตอบท่านดยุคด้วยความจริงจังเท่าเทียมกัน
“ข้าต้องพบนางอีกครั้ง ข้าไม่สนใจว่านางจะเป็นใคร”
ท่านดยุคส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย ขบวนของพวกเขาเดินต่อไป แล้วเลี้ยวไปตามถนนสายต่าง ๆ ผ่านตรอกซอกซอยคดเคี้ยวและแคบ ขณะที่พวกเขาผ่านไปนั้น บ้านเรือนเริ่มทรุดโทรมมากยิ่งขึ้น ถนนหนทางมีแต่พวกขี้เมา เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก มีไก่และสุนัขเดินหากินไปทั่ว ขบวนของพวกเขาผ่านร้านเหล้าหลายแห่ง เสียงลูกค้าร้องตะโกนดังออกมาที่ถนน ขี้เมาหลายคนเดินโซเซอยู่ด้านหน้า ขณะที่ยามราตรีเริ่มมาเยือน ถนนทุกสายเริ่มมีแสงคบไฟที่ถูกจุดขึ้น
“เปิดทางให้ท่านดยุค!” พ่อบ้านของท่านดยุคตะโกน รีบวิ่งนำหน้าไปและผลักพวกขี้เมาออกไปพ้นทาง คนขี้เมาตัวเหม็นที่เดินไปมาบนถนนเปิดทางให้และมองดูด้วยความประหลาดใจ ที่เห็นท่านดยุคผ่านไป พร้อมด้วยอีเร็ค
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงโรงแรมเล็ก ๆ และเรียบง่าย สร้างจากปูน มุงหลังคาด้วยหินชนวนลาดเอียง ดูเหมือนมันจะสามารถจุลูกค้าได้ราวห้าสิบคนในร้านเหล้าชั้นล่าง และมีห้องพักสำหรับแขกที่ชั้นบนอีกไม่กี่ห้อง ประตูด้านหน้าบิดเบี้ยว หน้าต่างบานหนึ่งพัง โคมที่แขวนอยู่ตรงทางเข้าเอียงกะเท่เร่ แสงไฟวูบไหว ขี้ผึ้งเหลือน้อยมาก เสียงคนเมาดังลอดออกมาทางหน้าต่าง ขณะที่ทุกคนหยุดอยู่ที่หน้าประตู
สตรีที่บอบบางเช่นนั้นทำงานในสถานที่แบบนี้ได้อย่างไร? อีเร็คทั้งสงสัยและตกใจ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนและคำพูดเหยียดหยันดังมาจากด้านใน หัวใจของเขาร้าวรานเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คิดถึงความอดสูที่นางต้องเผชิญในสถานที่เช่นนี้ เขาคิดว่า มันช่างไม่ยุติธรรม อีเร็คตั้งใจที่จะช่วยพานางไปจากที่นี่
“ทำไมท่านถึงมาหาเจ้าสาวในที่ที่แย่ที่สุดเช่นนี้?” ดยุคถาม พลางหันมาหาอีเร็ค
แบรนด์ทก็หันมาหาเขาด้วย
“โอกาสสุดท้ายแล้ว สหายข้า” แบรนด์ทกล่าว “ที่ปราสาทมีสตรีสูงศักดิ์มากมายกำลังรอเจ้าอยู่”
แต่อีเร็คกลับส่ายหน้าอย่างมุ่งมั่น
“เปิดประตู” เขาสั่ง
คนของดยุคคนหนึ่งรีบก้าวออกไปและกระชากประตูเปิดออก กลิ่นเหล้าเอลคละคลุ้งโชยออกมา ทำให้เขาผงะ
ด้านในมีพวกขี้เมาที่บ้างก็ซบอยู่ที่โต๊ะขายเครื่องดื่ม บ้างก็นั่งเรียงรายอยู่ตามโต๊ะไม้ ส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก หัวเราะ ด่าทอและชกต่อยกัน อีเร็คมองออกทันทีว่าคนพวกนี้เป็นพวกดิบเถื่อน มีพุงใหญ่ หนวดเคราไม่โกน เสื้อผ้าไม่ได้ซัก ไม่มีใครเป็นนักรบเลยสักคน
อีเร็คเดินเข้าไปหลายก้าว พลางมองหานาง เขาคิดไม่ออกเลยว่าสตรีเช่นนางจะสามารถทำงานในสถานที่เช่นนี้ได้ เขาสงสัยว่าพวกเขาอาจจะมาผิดที่
“ขอโทษที ท่าน ข้ากำลังตามหาสตรีนางหนึ่ง” อีเร็คบอกกับชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเขา เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ มีพุงใหญ่และไม่โกนหนวดเครา
“อย่างนั้นหรือ?” ชายคนนี้ตะโกนอย่างล้อเลียน “แหม ท่านคงมาผิดที่แล้วล่ะ! ที่นี่ไม่ใช่ร้านนางโลม แต่มีอยู่ร้านหนึ่งที่อีกฟากของถนน ข้าได้ยินว่านางโลมที่นั่นทั้งขาวทั้งอวบ!”
ชายคนดังกล่าวหัวเราะเสียงดังใส่หน้าอีเร็ค โดยมีเพื่อนอีกหลายคนผสมโรงด้วย
“ข้าไม่ได้ตามหาร้านนางโลม” อีเร็คตอบ ไม่ตลกด้วย “แต่ข้าตามหาสตรีนางหนึ่ง ที่ทำงานที่นี่”
“งั้นเจ้าคงหมายถึงคนรับใช้ของเจ้าของโรงแรม” มีเสียงอีกคนร้องบอก เขาเป็นขี้เมาร่างใหญ่อีกคนหนึ่ง “นางอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งด้านหลัง อาจจะกำลังขัดพื้น น่าเสียดาย…ข้าอยากให้นางอยู่ที่นี่ บนตักข้าเนี่ย!”
บรรดาขี้เมาต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ขำขันกับมุขตลกของพวกเขา ขณะที่อีเร็คหน้าแดงเมื่อคิดถึงมัน เขารู้สึกอายแทนนาง ที่ต้องมารับใช้คนประเภทนี้ มันช่างเสียศักดิ์ศรีเกินกว่าที่เขาจะคิดถึง
“แล้วเจ้าเป็นใครกัน?” มีเสียงถามขึ้น
ชายคนหนึ่งก้าวออกมา เขาตัวใหญ่กว่าคนอื่น ๆ มีเคราและดวงตาดำ หน้าบึ้งตึง กับขากรรไกรกว้าง มีชายท่าทางซอมซ่อหลายคนตามมาด้วย ร่างกายเขามีกล้ามเนื้อมากกว่าไขมัน เขาก้าวมาหาอีเร็คด้วยท่าทีคุกคาม แสดงตัวเป็นเจ้าของอย่างเห็นได้ชัด
“นี่เจ้าพยายามจะขโมยสาวใช้ของข้าอย่างนั้นหรือ?” เขาถาม “ออกไปจากที่นี่เลย!”
เขาก้าวมาข้างหน้าแล้วเอื้อมมือหมายจะคว้าตัวอีเร็คไว้
แต่อีเร็คซึ่งแข็งแกร่งจากการฝึกฝนมาหลายปี และเป็นอัศวินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักร ตอบโต้อย่างที่ชายคนนี้ไม่คิดฝัน ทันทีที่มือของเขาสัมผัสตัวอีเร็ค อีเร็คเด้งตัวลงมือโดยคว้าข้อมือเขาไว้ แล้วหมุนชายร่างใหญ่ด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ จับคอเสื้อเขาไว้แล้วผลักข้ามห้องไป
ชายร่างใหญ่ลอยคว้างไปเหมือนลูกปืนใหญ่ กวาดเอาชายหลายคนล้มระเนระนาดไปบนพื้นด้วยเหมือนพินโบว์ลิ่ง
ทั้งห้องเงียบสนิท เมื่อทุกคนหยุดนิ่งและมองดู
“ตีกัน! ตีกัน!” พวกผู้ชายส่งเสียงเป็นจังหวะ
เจ้าของโรงแรมที่ยังมึนงง ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนได้ ก็พุ่งเข้าใส่อีเร็คพลางส่งเสียงตะโกน
ครั้งนี้อีเร็คไม่รอ เขาก้าวเข้าหาผู้โจมตี ยกแขนขึ้นแล้วฟันศอกใส่ใบหน้าของชายคนนั้น ทำให้จมูกเขาหัก
เจ้าของโรงแรมเซถอยหลังไปแล้วล้มหงายหลังลงบนพื้น
อีเร็คก้าวเข้าหา ดึงเขาลุกขึ้นแม้จะตัวใหญ่กว่า โดยยกเขาขึ้นสูงเหนือศีรษะ ก่อนจะก้าวไปแล้วเหวี่ยงชายคนนี้ลอยไปในอากาศ กวาดเอาคนครึ่งห้องล้มไปกับเขาด้วย
ทุกคนในห้องหยุดชะงัก เสียงตะโกนเป็นจังหวะเงียบลง พวกเขาเริ่มตะหนักว่ามีคนพิเศษมาอยู่ในหมู่พวกเขาแล้ว ทันใดนั้นคนขายเหล้าพุ่งตัวออกมา พร้อมเงื้อขวดแก้วขึ้นเหนือหัว หมายจะฟาดใส่อีเร็ค
อีเร็คเห็นเหตุการณ์และยื่นมือไปจับดาบ แต่ก่อนที่อีเร็คจะชักดาบออกมา แบรนด์ทสหายของเขาก็ก้าวออกมายืนข้างเขา พลางชักมีดสั้นออกมาจากเข็มขัด แล้วจ่อปลายมีดเข้ากับลำคอของคนขายเหล้า
คนขายเหล้าวิ่งเข้าใส่แล้วต้องหยุดชะงัก คมมีดเกือบจะแทงเข้าเนื้อของเขา เขาได้แต่ยืนนิ่ง ตาเบิกกว้างด้วยความกลัว เหงื่อแตก ขวดชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ทั้งห้องเงียบสนิทจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่น
“วางขวดลง” แบรนด์ทสั่ง
คนขายเหล้าทำตาม ทิ้งขวดลงกระแทกพื้น
อีเร็คชักดาบออกมา เสียงโลหะดังก้อง และเดินเข้าหาเจ้าของโรงแรมที่นอนโอดโอยอยู่บนพื้น จ่อปลายดาบเข้าที่คอหอยของเขา
“ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” อีเร็คประกาศ “ออกไปจากห้องนี้ให้หมดทุกคน ตอนนี้ข้าขอพบนางผู้นั้นเพียงลำพัง”
“ท่านดยุค!” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น
ทั้งห้องต่างหันมาและจำท่านดยุคซึ่งยืนอยู่ตรงทางเข้าพร้อมด้วยผู้ติดตามได้ ทั้งหมดรีบถอดหมวกออกและโค้งคำนับ
“หากข้าพูดจบแล้วยังมีใครอยู่ในห้องนี้” ท่านดยุคประกาศ “พวกเจ้าแต่ละคนจะต้องถูกจับไปขังทันที”
เกิดความโกลาหลขึ้นในห้องเมื่อทุกคนต่างรีบร้อนที่จะออกไป พากันกรูผ่านท่านดยุคและออกไปทางประตูหน้า ทิ้งขวดเหล้าเอลที่ยังดื่มไม่เสร็จไว้อย่างนั้น
“เจ้าก็ออกไปด้วย” แบรนด์ทบอกกับคนขายเหล้า ลดมีดสั้นลง จิกผมเขาไว้แล้วผลักออกประตูไป
ห้องที่อึกทึกอยู่เมื่อครู่ก่อน ตอนนี้กลับว่างเปล่าและเงียบลง เหลือเพียงอีเร็ค แบรนด์ท ท่านอยุคและคนสนิทอีกสิบกว่าคน พวกเขากระแทกประตูปิดตามหลังเสียงดังก้อง
อีเร็คหันมาหาเจ้าของโรงแรม ที่ยังนั่งมึนงงอยู่บนพื้น พลางเช็ดเลือดจากจมูก อีเร็คดึงเสื้อเชิ้ตของเขาไว้แล้วดึงให้ยืนขึ้นด้วยสองมือ ก่อนจะปล่อยให้นั่งลงบนม้านั่งว่างตัวหนึ่ง
“เจ้าทำให้ธุรกิจของข้าในคืนนี้เสียหายหมด” เจ้าของโรงแรมโอดครวญ “เจ้าต้องชดใช้”
ท่านดยุคก้าวมาข้างหน้าแล้วตบเข้าด้วยหลังมือ
“ข้าสั่งประหารเจ้าได้ด้วยซ้ำที่บังอาจแตะต้องชายผู้นี้” ท่านดยุคตวาด “เจ้าไม่รู้เลยใช่ไหมว่าเขาเป็นใคร? นี่คืออีเร็ค ยอดอัศวินของพระราชา แชมเปี้ยนแห่งกองรบเงิน เขาสามารถฆ่าเจ้าได้ตอนนี้เลยด้วยซ้ำหากเขาต้องการ”
เจ้าของโรงแรมเงยหน้ามองอีเร็ค และเป็นครั้งแรกที่ความกลัวปรากฏบนสีหน้าของเขา เขาแทบจะตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้
“ข้าไม่รู้เลย ท่านไม่ได้ประกาศตัว”
“นางอยู่ที่ไหน?” อีเร็คสั่งอย่างหมดความอดทน
“นางอยู่ด้านหลัง กำลังขัดห้องครัว ท่านต้องการอะไรจากนางหรือ? นางขโมยอะไรมาจากท่านหรือเปล่า? นางเป็นเพียงแค่สาวใช้รับจ้างคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
อีเร็คชักมีดสั้นออกมาแล้วจ่อเข้าที่คอหอยของเจ้าของโรงแรม
“ถ้าเรียกนางว่า ‘สาวใช้’ อีกครั้ง” อีเร็คเตือน “ขอให้มั่นใจได้เลยว่าข้าจะปาดคอหอยเจ้าเสีย เจ้าเข้าใจไหม?” เขาถามอย่างหนักแน่นขณะที่กดคมมีดเข้าที่ผิวของเจ้าของโรงแรม