ศาสตร์ต้องห้าม - Owen Jones страница 3.

Шрифт
Фон

เขาเข้าร่วมกับคณะคอมมิวนิสต์เพราะเหตุนี้ และไปเวียดนามเพื่อฝึกรบโดยทันทีที่ถูกเรียกตัว หลายคนที่เขาฝึกรบด้วยนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับเขา ส่วนหนึ่งเป็นคนจีน เป็นแต่เพียงความเอือมระอากับอำนาจจากต่างชาติที่เข้ามาแทรกแซงอนาคตของเพื่อนร่วมชาติของเขา เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ทำไมคนอเมริกันที่อาศัยอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์จึงมีความสนใจว่าใครจะเป็นผู้มีอำนาจในพื้นที่ส่วนเล็ก ๆ ของโลกเช่นนี้ เขาไม่เคยสนใจเลยว่าจะต้องเลือกประธานาธิบดีคนใด

อย่างไรก็ตาม คงเป็นชะตาฟ้าลิขิต เขาไม่เคยได้มีโอกาสกราดยิงคนด้วยความเกรี้ยวกราดเลย เพราะว่าเขาโดนเศษกระสุนจากระเบิดของพวกอเมริกันเสียก่อน ในตอนที่เขาถูกส่งไปฝึกออกค่ายที่สนามรบในวันแรกจากค่ายฝึก เขาได้รับความเจ็บปวดจากบาดแผลเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แม้ว่าพวกเขาจะมีกำลังเพียงพอหากต้องปลดประจำการลีจากกองทัพ หลังจากที่เขาดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาลได้ เขาถูกชิ้นส่วนขนาดใหญ่ฟาดเข้าที่ขาซ้ายด้านบน แต่มีเศษกระสุนเล็ก ๆ สองสามชิ้นเจาะเข้าที่ช่องท้อง ซึ่งตอนนี้เขาคิดว่านั่นอาจเป็นสาเหตุของอาการป่วยนี้ นั่นเป็นที่มาของข่าวลือว่า เขาเคยถูกยิง

เขากลับบ้านพร้อมกับขาที่ยังกะโผลกกะเผลก และได้รับค่าตอบแทนที่เพียงพอที่จะซื้อที่ดินผืนเล็ก ๆ สำหรับเพาะปลูก แต่เนื่องจากขาของเขายังไม่ดีนัก เขาจึงซื้อฟาร์มและฝูงแพะ และเพาะพันธุ์แพะเพื่อขายมันแทน ภายในหนึ่งปีที่เขากลับมา ขาของเขาก็เริ่มดีขึ้นจนเป็นปกติ และเขาได้แต่งงานกับสาวสวยในชุมชนที่เขารู้จัก และถวิลหามาทั้งชีวิต เธอมาจากพื้นเพการทำกสิกรรม และพวกเขาก็ตั้งรกรากอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ก็ทำงานอย่างเหนื่อยยาก

ทุกวันต่อสัปดาห์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ยกเว้นวันอาทิตย์ นายลีจะพาฝูงแพะของเขาไปในพื้นที่ราบสูงเพื่อกินหญ้า และในฤดูร้อนเขามักจะพักค้างคืนพักแรมอยู่ที่นี่ทีและที่นั่นที ซึ่งเขาได้เรียนรู้มันตอนอยู่ในกองทัพ เขามองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นด้วยความอาลัย ช่างเป็นวันที่มีความสุขยิ่งนัก แม้ว่าในเวลานั้นเขาจะไม่ได้ติดต่อกลับไปหาพวกเขาก็ตาม

ไม่มีนักล่าบนภูเขาอีกต่อไป เว้นเสียแต่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เพราะเสือทั้งหมดได้ถูกฆ่าตายไปหมดมานานแล้ว เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยาจีน นายลีมีรู้สึกเกิดขึ้นหลากหลายมากมายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นในอีกแง่มุมหนึ่ง เขารู้ว่ามันเป็นความอัปยศ แต่ในทางกลับกันเขาก็ไม่ได้ปรารถนาที่จะต้องปกป้องแพะของเขาจากพวกเสือที่ปล้นสะดมอยู่ทุกคืนอีกต่อไป เมื่อความเจ็บป่วยได้คลืบคลานทำร้ายเขาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาเป็นคนเลี้ยงแพะมาเกือบสามสิบปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับภูเขาเช่นเดียวกับผู้คนในชุมชนที่คุ้นเคยสวนสาธารณะในชุมชนของพวกเขานั่นเอง

เขารู้ว่าพื้นที่ใดที่ควรหลีกเลี่ยงจากทุ่นระเบิด และกล่องสารพิษที่ชาวอเมริกันทิ้งในช่วงปีเจ็ดศูนย์ที่ผ่านมา และเขารู้ว่าพื้นที่ไหนปลอดภัย แม้ว่าทหารช่างจะพลาดไปหนึ่งหรือสองครั้ง เช่นเดียวกับแพะตัวหนึ่งของเขาที่ถูกพบเมื่อเดือนก่อน ช่างเป็นเรื่องที่น่าอดสูเกี่ยวกับมัน แม้ว่าร่างไร้วิญญาณมันจะไม่สลาย และจุดจบมันเร็วเกินไป เมื่อหินปะทุออกมาทำให้เกิดทุ่นระเบิด และกระเด็นขึ้นฟ้าทำให้หัวของมันหลุดกระเด็นออกไปด้วย

ระยะทางมันไกลเกินกว่าที่จะขนซากของมันกลับบ้าน ดังนั้นนายลีจึงใช้เวลาสองสามวันบนภูเขาเพื่อดูแลตัวเอง ในขณะที่ครอบครัวของเขากังวลว่าเขาจะป่วยเมื่อเขากลับมาที่ฟาร์ม

นายลีเป็นคนที่พอใจกับทุกสิ่งที่มีอยู่ เขาสนุกกับงาน และชีวิตกลางแจ้ง และยอมรับความเป็นจริงว่าเขาเองไม่ได้ร่ำรวยอะไร หรือไม่ได้ไปต่างประเทศได้อีกต่อไป ด้วยเหตุผลนี้เขาและภรรยาของเขาจึงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับปัจจุบันอยู่กับลูกทั้งสองคน เขารักลูกเขาทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกัน และต้องการทำให้มันดีที่สุดสำหรับพวกเขา แต่เขาก็ดีใจเช่นกันที่พวกเขาออกจากโรงเรียนเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำงานเต็มเวลาในฟาร์มซึ่งภรรยาของเขาปลูกพืชผักสมุนไพร และเลี้ยงหมูเอาไว้สามตัว และมีไก่อีกยี่สิบ สามสิบตัว

นายลีกำลังคิดว่าเขาจะขยายฟาร์มให้ได้มากเท่าไหร่ดีสำหรับเอาไว้เผื่อยามจำเป็น บางทีพวกเขาอาจต้องเพิ่มจำนวนไก่อีกหลายสิบตัว เพิ่มหมูอีกสักสองสามตัว และปลูกข้าวโพดหวานอีกสักหน่อย

เขาตื่นจากภวังค์ “จะเกิดอะไรขึ้น หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มัด ฉันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ฉันก็หน้ามืดมาแล้วสองครั้งในสัปดาห์นี้ และมันมีแววจะมากขึ้นอีกสองหรือสามครั้ง”

“ทำไมเธอไม่บอกฉันเรื่องนี้ก่อนล่ะ”

“รู้ไหม ฉันไม่อยากให้คุณกังวล และคุณไม่สามารถทำทุกสิ่งทั้งหมดนี้ได้ไม่ใช่หรือ”

“ไม่หรอก ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอะไร แต่ฉันจะพาเธอไปหาป้าของเธอให้เร็วที่สุด และบางทีจะพาเธอไปหาหมอด้วย”

“ อ่า เธอก็รู้จักฉันดีนะ มัด ฉันเคยพูดว่า ‘รอดูว่าป้าจะพูดว่ายังไงก่อนที่จะใช้เงินทั้งหมดนั้น’ บางครั้งฉันต้องยอมรับว่ารู้สึกแปลก ๆ และฉันก็ค่อนข้างกลัวว่าป้าจะพูดว่ายังไงในวันพรุ่งนี้”

“ ใช่ ฉันก็เช่นกัน เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งนั้นใช่ไหม”

“บางครั้งนะ แต่ฉันรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง ฉันเคยสามารถวิ่งและกระโดดกับแพะได้ แต่ตอนนี้ฉันแค่มองดูพวกมัน ฉันก็เหนื่อยแล้ว!

“มีบางอย่างผิดปกติ ฉันเชื่ออย่างนั้น”

“ดูนี่สิ พ่อ” ซึ่งเป็นชื่อสัตว์เลี้ยงจอมทึ่มของเธอที่ใช้เรียกเขา เแต่ทว่ามันมีความหมายใช้เรียก ‘พ่อ’ ในภาษาไทยด้วย “เด็ก ๆ ยืนอยู่ที่ประตู เธอต้องการให้พวกเขาเข้ามาตอนนี้หรือไม่”

“ไม่ คุณพูดถูก ทำไมต้องกังวลตอนนี้ แต่ฉันคิดว่าป้าจะบอกฉันตอนบ่ายของวันพรุ่งนี้ ดังนั้นบอกพวกเขาว่าเราจะประชุมครอบครัวกันในเวลาน้ำชา และพวกเขาจะต้องอยู่ที่นั่นด้วย

“ฉันคิดว่าฉันจะไปนอนแล้ว ฉันรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอีกแล้ว การเสกเป่าของป้าทำให้ฉันมีพลังเพียงชั่วระยะหนึ่ง แต่มันก็เสื่อมไปแล้ว บอกพวกเขาว่าฉันไม่เป็นไรนะ แต่ขอให้เด่นช่วยเอาแพะออกไปให้ฉันพรุ่งนี้จะได้ไหม เขาไม่ต้องพาพวกมันไปไกลนัก เพียงแค่ลงไปตามลำธารเพื่อที่พวกมันจะได้กินวัชพืชในแม่น้ำ และดื่มน้ำ… มันจะช่วยพวกมันได้สักวัน สองวัน

หากเธอมีเวลาสักสิบนาที เธอช่วยทำชาแบบพิเศษให้ฉันหน่อยได้ไหม อันที่มีขิง โป๊ยกั๊ก และสิ่งต่าง ๆ… ที่น่าจะช่วยฉันให้สดชื่นขึ้นมาได้บ้าง… โอ้ และเมล็ดแตงโม หรือเมล็ดทานตะวันสักหน่อย… บางทีเธออาจจะขอให้ดินแกะให้ฉันจะได้ไหม”

“แล้วซุปสักถ้วยดีไหม มันเป็นของโปรดเธอนี่… ”

ได้ ตกลง แต่ถ้าฉันเผลอหลับ ก็วางมันไว้บนโต๊ะนะ และฉันจะทานตอนที่มันเย็นลงแล้วในภายหลัง

“สวัสดีเด็ก ๆ ฉันจะไปนอนให้เร็วขึ้นในคืนนี้ แต่ฉันไม่อยากให้พวกเธอต้องห่วงฉัน ฉันสบายดี แม่ของพวกเธอจะเล่ารายละเอียดให้ฟังนะ ฉันแค่ติดเชื้อบางอย่าง ฉันคิดว่าอย่างนั้น ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน”

“ราตรีสวัสดิ์ พ่อ”พวกเขาตอบกลับ ดินดูกังวลเป็นพิเศษ ในขณะที่พวกเขามองนายลีอย่างห่วงใยก่อนที่นายลีจะเดินหันหลังไป และจากนั้นก็หันมามองหน้ากัน

ในขณะที่นายลีล้มตัวนอนในค่ำคืนที่มืดมิดและเงียบงัน เขารู้สึกว่าตัวเขามีอาการปวดตุบ ๆ มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับอาการเวลาฟันผุที่มักจะมีอาการเจ็บปวดอย่างมากในเวลานอนตอนกลางคืน แต่เขาก็เหนื่อยมากจนเคลิ้มหลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะชา ซุป และเมล็ดธัญพืชจะถูกนำมาให้เขา

ข้างนอกบ้านบนโต๊ะตัวใหญ่ ท่ามกลางดวงไฟสลัวครอบครัวเล็ก ๆ คนที่เหลือนั่งพูดคุยกันถึงสภาวการณ์ของนายลีด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แม้ว่าจะไม่มีใครได้ยินพวกเขาหากพวกเขาพูดออกมาดัง ๆ ก็ตาม

“พ่อจะตายไหม แม่” ดินแทบจะร้องไห้ออกมา

“ไม่หรอก ลูกเอ้ย ไม่อย่างแน่นอน” เธอตอบ “อย่างน้อย…แม่ก็ไม่คิดแบบนั้น”

1 2 ความฉงนใจของครอบครัวลี

ตามวิถีของคนในชนบท ทุกคนจะนอนรวมกันในห้องเดียวกันในบ้าน แม่และพ่อนอนเตียงนอนคู่ ส่วนเด็ก ๆ นอนคนละเตียง และทั้งสามเตียงก็มีมุ้งกันยุงของตัวเอง ดังนั้นเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทุกคนจะย่องออกมาเพื่อไม่ให้เฮงตื่น

พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะพ่อมักจะเป็นคนแรกที่ตื่น และออกไปก่อนเสมอ แม้ในเช้าที่หนาวเหน็บที่สุดก็ตามที พวกเขามองผ่านมุ้งไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเฮงและดูเป็นกังวล จนกระทั่งแม่ไล่ให้พวกเขาออกไปข้างนอก

“ดิน ช่วยเราหน่อย ลูกเอ้ย ฉันไม่ชอบสภาพแบบนี้ของพ่อเธอเลย อาบน้ำให้เร็ว แล้วก็ไปดูว่าป้าจะบอกอะไรเราบ้าง ไปได้ไหมลูก ให้เป็นเด็กดีนะ หากเขายังไม่พร้อม และเรามาค่อนข้างเร็วไป ซึ่งฉันรู้ดี ถามเธอนะว่า เธอจะพยายามเพื่อหลานชายคนโปรดได้ไหม ก่อนที่มันจะสายเกินไป

ดินเริ่มร้องไห้ และวิ่งหนีไปอาบน้ำ “ขอโทษนะ ลูกรัก แม่ไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียใส่ลูก!” เธอตะโกนเรียกลูกสาวให้กลับมา

เมื่อเธอมาถึงบ้านป้าทวดของเธอในสิบห้านาทีต่อมา หมอผีชราลุกขึ้น แต่งกายเรียบร้อย นั่งกินข้าวต้มตรงโต๊ะใหญ่หน้าบ้าน

“อรุณสวัสดิ์ ดิน ดีใจที่ได้เจอเธอนะ เอาข้าวต้มสักชามไหม มันอร่อยมากนะ” ดาเอาใจใส่เหลนสาวของเธอ และโดยเฉพาะดินเป็นพิเศษ แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เธอถาม เขาก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า แม่ของเธอถามถึงการวินิจฉัยโรคที่เหมาะสมภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง

“นั่นแม่ของเธอหรอกหรือ! ได้ เราจะดูว่าเราควรทำยังไงกันต่อไป… พ่อของเธอดูแย่มากใช่ไหม

“ใช่ค่ะ ป้าดา เขาขาวซีดเหมือนศพ แต่เราไม่คิดว่าเขาจะตาย… แม่ได้ถ่วงเวลาเขา เมื่อฉันออกมา เพื่อดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ฉันไม่อยากรอ จะได้รู้กันไปเลย ฉันไม่อยากให้พ่อต้องตาย ป้าดา ได้โปรดช่วยเขาด้วย”

“ฉันจะทำทุกอย่างที่ฉันสามารถจะทำได้ แต่เมื่อพระพุทธเรียกตัว ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถปฏิเสธได้ แต่เราพอจะมีหนทางที่เราสามารถทำได้ มากับฉัน”

ดาเดินเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ จุดเทียนและปิดประตูที่อยู่ด้านหลังพวกเขา เธอหวังว่าดินจะให้ความสนใจในวิถีเก่าแก่นี้ ขณะที่เธอยังเด็กพอที่จะสอนเธอได้ เพราะเธอรู้ว่าดินจะต้องเป็นผู้สืบทอดมันในสักวัน ถ้าภาระกิจนั้นต้องอยู่ในตระกูลลี

เธอชี้ไปที่เสื่อของผู้สอบถามที่พื้น และดินก็ได้นั่งลงจากนั้นเธอก็เดินไปรอบ ๆ กระท่อม พึมพำสวดมนต์คาถา และจุดเทียนอีกสองสามเล่มก่อนจะนั่งตรงข้ามดิน ซึ่งกำลังจ้องมองลงไปที่มือที่กุมไว้บนตักของเธอ

Ваша оценка очень важна

0
Шрифт
Фон

Помогите Вашим друзьям узнать о библиотеке